รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
ดังนั้น 49 วัน คือช่วงเวลา ที่เราสามารถตัดสินชะตาให้เขา หรือชะตาให้เธอ เราต้องอธิษฐาน ทำบุญ นำสมบัติของเขาออกมา ถ้าทำได้ ขายสมบัติของเขาทั้งหมด และให้มันกับคนยากจน โบสถ์ วัด ให้กับองค์กรการกุศลที่ดี แต่แน่นอน ถ้าเขามีลูก ๆ และทั้งหมดนั่น เราต้องทิ้งไว้พวกเขาบ้าง เพื่อความอยู่รอด แค่รับอะไรก็ตามที่คุณทำได้ แล้วเขาก็จะหลุดพ้น “‘ตลอด 49 วัน ผู้ที่ชีวิต ได้สิ้นสุดลง และยังไม่ได้เกิดใหม่ จะหวังว่าทุกชั่วขณะ ญาติใกล้ชิดของพวกเขา จะได้รับพระพรที่ทรงพลัง เพียงพอที่จะกอบกู้พวกเขา’” นั่นคือเหตุที่บางครั้งพวกเขากลับมา ในความฝันของคุณหรือพวกเขา ปรากฏต่อหน้าคุณไม่นานหลังจากนั้น แต่พวกเขาไม่สามารถพูด ได้มากนัก พวกเขาพูดไม่ได้ พวกเขาแค่ดูเศร้า แล้วคุณรู้ว่าพวกเขาต้องการ การช่วยเหลือจากคุณ และเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้! เพราะคุณไม่รู้ว่า ณ เวลานั้น พวกเขามีเวลา เหลืออีกเท่าไหร่ จนกว่าชะตาของพวกเขาถูกตัดสิน เมื่อชะตาของพวกเขาถูกตัดสิน โดยผู้พิพากษาแล้ว ไม่มีอะไรที่คุณจะทำได้อีกต่อไป ไม่มีเวลาอีกแล้ว! แต่ 49 วันก่อนหน้านั้น เวลามากมาย ที่เราสามารถ ทำสิ่งต่าง ๆ มากมายให้เขา สามารถท่องพระสูตรมากมาย“‘ณ ตอนสิ้นสุดของเวลา ผู้เสียชีวิต จะอยู่ภายใต้ ผลกรรมของพวกเขา ถ้าใครบางคนเป็นผู้กระทำผิด เขาอาจต้องผ่านเวลา แสน ๆ ปี โดยไม่มีหลุดพ้นแม้แต่วันเดียว ถ้าความผิดของคนคนหนึ่ง ควรได้รับผลกรรมอย่างต่อเนื่อง ห้าเท่า เขาจะลงสู่นรกอเวจี และทุกข์ทรมานไม่มีสิ้นสุด เป็นเวลา ล้าน ๆ กัลป์” นั่นคือพันล้าน หมื่นล้าน กาซิลเลี่ยนปี ลองนึกดูว่ามันคือคุณ นึกดูว่า คุณอยู่ตรงนั้น ทำอะไรไม่ได้ ถูกทรมาน ตลอดวันตลอดคืน ทุกวินาทีของชีวิตของคุณ และคุณจะรู้มัน และคุณรู้สึกทุกข์ ไม่ใช่ว่าคุณไม่รู้สึก และไม่มีใครช่วยคุณ ไม่มีใครที่คุณโทรหาได้ ทุกข์ทรมานมากเกินไป คุณไม่สามารถ เปิดปากด้วยซ้ำไป คุณไม่สามารถแม้แต่ ระลึกที่จะอธิษฐาน ดังนั้น จงอธิษฐานก่อนหน้า และถ้าคุณไม่มีญาติ ช่วยคุณ แล้วมันก็จบ คุณต้อง ทุกข์มากมาย อยู่นานมาก ๆ พระเจ้า! แย่มาก แย่มาก! ลองนึกดูว่ามันเป็นคุณ แสนสาหัสเพียงใด แย่มาก แย่มาก! พระเจ้า ฉันไม่อยากให้คุณคนใด ต้องประสบกับสิ่งนี้เลยทุกสิ่งในโลก เป็นภาพลวงตา แต่กฎของโลก ไม่ใช่ภาพลวงตา กฎแห่งกรรมไม่ใช่ คุณจะรู้สึก ถ้าคุณไม่หลุดพ้น จากกฎแห่งกรรม ไม่ว่าด้วยพลังอาจารย์ หรือด้วยศรัทธาในพระพุทธเจ้า หรือการทำความดี และเฝ้าระวัง ชีวิตของคุณตลอดเวลา ทุกสิ่งที่คุณทำ ที่คุณคิด หรือที่คุณพูด ต้องดีและบริสุทธิ์เสมอ ความตั้งใจต้องบริสุทธิ์ มิฉะนั้น อย่าพูดเสียดีกว่า ฉันคืออาจารย์ ฉันต้องพูดทุกสิ่ง หลายสิ่งมากมาย แต่ถ้าคุณไม่ต้อง อยู่ในตำแหน่งอาจารย์ คุณก็เงียบ คุณไม่ต้องบอกผู้อื่นเกี่ยวกับ สิ่งที่ไม่ดีของคนคนนี้ แล้วคนคนนั้น บอกต่อไปเรื่อย ๆ บอกสิ่งที่ไม่ดีของผู้อื่น คุณต้อง แบ่งกรรมด้วยเช่นกัน ไม่เพียง คุณทำมันเอง ดังนั้นจงระวังอย่างมาก ตกลงไหม? จำลิงสามตัวได้ไหม? (ค่ะ/ครับ) แม้แต่ลิงก็สอนคุณได้ ไม่มอง ไม่ฟัง ไม่พูดสิ่งที่ไม่ดี“มากกว่านั้น ผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อตัวตน ที่ก่อกรรม เสียชีวิต ญาติ ๆ ของพวกเขาอาจเตรียม ของถวายมังสวิรัติ/วีแกน’” คุณเห็นไหม? “‘การช่วยพวกเขา บนหนทางแห่งกรรมของพวกเขา ในกระบวนการเตรียม อาหารมังสวิรัติ/วีแกน และก่อนที่มันจะถูกทาน น้ำซาวข้าว และใบผัก ไม่ควรถูกทิ้งไป บนพื้นด้วยซ้ำ” ว้าว! แม้แต่น้ำล้าง ก่อนที่มันจะถูกทาน ไม่ควรเทน้ำล้างทิ้งไป น้ำสกปรกลงพื้น น้ำซาวข้าว และพวกผัก ผลไม้“ก่อนที่ อาหาร (วีแกน) จะถูกถวายแด่เหล่าพุทธะ และพระสงฆ์ ไม่ควรจะมีใครนำไปทานก่อน” คุณต้องระมัดระวัง ทั้งหมดนี้ด้วย ไม่ใช่เพียงแค่นำไปถวาย “โอเค ฉันทานก่อนนะ” อย่า แม้แต่ลองชิม คุณต้องรู้ว่าใส่มากเท่าไร หากมันเค็มไปหน่อย จืดไปนิด พุทธะคงไม่ว่าอะไร ตราบเท่าที่ มันไม่ได้ถูกนำไป ถวายแด่พระสงฆ์ ถึงแม้จะจืดไปหน่อย คุณก็ถวายซีอิ๊วเพิ่มได้ หรือเพิ่มเกลือ ถวายพระสงฆ์ สำหรับพระที่ เดินทางมาและสวดมนต์ หรือพระที่ คุณถวายอาหาร แต่ว่าอย่าไปชิมรสชาติก่อนนะว้าว! พระโพธิสัตว์ ช่างมีความเมตตาจริง ๆ ท่านทราบทุกรายละเอียด เกี่ยวกับความทุกข์ และวิธีการพ้นจากความทุกข์ ท่านช่างมีเมตตาจริง ๆ เราทุกคน ควรขอบพระคุณ พระโพธิสัตว์ท่านนี้ เดี๋ยวนี้เลย พระกษิติครรภโพธิสัตว์ หมายถึง พระโพธิสัตว์ขุมทรัพย์ของโลก ผู้มีความยิ่งใหญ่ ท่านเป็นผู้มีความเป็นเลิศ ยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่ ขอบพระคุณอย่างมาก ฉันอยากจะร้องไห้ ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจมาก ในความ เสียสละ และคุณความดีของท่าน ช่างงดงาม งดงาม! ขอบพระคุณ เราทุกคนขอบพระคุณ โลกขอบพระคุณท่าน ทุกสรรพชีวิตได้รับการช่วย ขอบคุณ ทุกสรรพชีวิต กำลังจะได้รับ การฉุดช่วยโดยท่าน หรือโดยพระสูตรที่ท่านได้ส่งสอน ขอบพระคุณท่านมากพระเจ้า! คุณเห็นไหมว่ามีพุทธะและ พระโพธิสัตว์กี่พระองค์ที่เสียสละ เพื่อพวกเรา และเราเพียงทำสมาธิ เล็กน้อยเท่านั้น รักษาศีลห้า ก็ไม่ได้ยากอะไร ต้องทำมันให้ได้ พวกคุณติดค้างพระคุณของท่าน เหล่านั้นด้วย คุณติดค้างชาวนา พ่อแม่ของคุณ พี่สาว น้องชาย ของคุณ และโลก เพื่อที่เราจะได้ดี เพียงทำสมาธิ รักษาศีลห้า ไม่มีอะไรมากที่ฉันขอจากคุณ คุณไม่ต้องมาหาฉัน หากว่าคุณไม่ต้องการ คุณอยู่ที่บ้าน เชื่อมั่นในตัวฉัน เชื่อในคำสอนของฉัน มันก็ดีมากแล้ว ทำสมาธิ ทำความดีเมื่อมีใคร ที่เป็นคนดี มาบอกว่า - ครั้งนี้ ฉันเพียงบอกว่าชาวยุโรป- แต่บางคนที่ดี ก็บอกว่า “ทุกคนที่เหลือ มาที่นี่โดยเร็ว” แม้ว่า มันคือความผิดพลาดของพวกเขา แต่ว่ามันดีสำหรับคุณ คุณจึงได้มาพบฉัน ในบางครั้ง พวกคุณบางคน และหากคุณไม่อาจมาได้ที่นี่... หรือคุณตำหนิฉันได้ หากต้องการ แต่ว่ามันคือ กรรม (เลว) ของคุณ คุณไม่ทำให้ฉันต้องรับผิดชอบ ทุกเรื่องในชีวิตของคุณ ดีไหม? ฉันทำดีที่สุดแล้ว ฉันมีงานยุ่งมากกว่าคุณ หลายพันเท่า ทุก ๆวัน ในเรื่องต่าง ๆ ภายใน ภายนอก ดังนั้น ทำในสิ่งที่คุณทำได้ คุณมาพบฉันได้ หากต้องการ หากคุณไม่มีการสนับสนุนเรื่อง การเงิน ที่มากพอ หากว่าพี่ชาย น้องสาว ของคุณ ช่วยให้คุณได้มา มันก็โอเค หากพวกเขาไม่ได้ช่วย คุณก็อยู่ที่บ้าน ฉันอยู่กับคุณเสมอ คุณไม่จำเป็นต้องมาพบฉัน ฉันไม่บังคับใครคนไหน ให้มาพบฉัน คุณให้เวลากับฉัน และบางคนก็ให้เงิน ซื้อตั๋ว แต่ว่าสิ่งนั้น ให้ประโยชน์แก่คุณ ฉันไม่ได้ร้องขอ ฉันมอบคืนให้คุณ หลายเท่าตัว ทางร่างกาย ทางอารมณ์ ทางจิตใจ ทางจิตวิญญาณ ฉันก็มอบให้คุณด้วย ฉันไม่ได้เป็นแค่ นั่งอยู่ตรงนี้ และคอยรับสิ่งของ ฉันได้รับความรักจากคุณ ซึ่งฉันก็ขอบคุณมาก แต่ฉันก็มอบให้เช่นกัน แม้ว่าคุณมอบสิ่งใดให้ฉัน ฉันก็มอบให้มาก เช่นกัน ฉันมอบสิ่งต่าง ๆให้ผู้คน บางที มันดูเหมือนว่า ไม่ได้มีประโยชน์ต่อคุณ หากฉันมอบของให้แก่คนที่ยากจน แต่มันก็สร้างประโยชน์แก่โลก ที่คุณได้อาศัยอยู่ มันทำให้มีพลังงานดี ๆแก่คุณ แก่ลูก ๆของคุณ ทำให้โลกเติบโตดีขึ้น เข้าใจฉันไหม? (เข้าใจ) ดังนั้น แม้ว่า ฉันไม่ได้มอบให้คุณโดยตรง ฉันก็ได้มอบอยู่แล้ว ทุกสิ่งที่ดี มีประโยชน์ต่อคุณเช่นกัน ดังนั้น ไม่คิด ในทางลบพยายามจดจำ สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัส: การบริจาค การถวายของแด่พุทธะ แด่นักบุญผู้รู้แจ้ง พระสงฆ์ และ แม่ชี ฉันไม่ได้ถวายของแด่พวกท่าน เพราะฉันคิดว่า พวกท่านคือพระสงฆ์และแม่ชีที่รู้แจ้ง และพวกท่านสร้างประโยชน์ต่อฉัน ไม่นะ ไม่ ฉันถวายพวกท่าน เพราะว่าฉันรักพวกท่าน เพราะฉันคิดว่า โอเค.... ฉันไม่ทราบว่าพวกท่านกำลังทำงาน อยู่ในสนามเช่นเดียวกัน ฉันคิดว่าพวกท่านได้แต่นั่งตรงนั้น และรอให้ลูกศิษย์บางคน มาถวายอะไรบางอย่าง แต่ว่ามีชาวเกาหลีไม่มาก ที่มีเวลา จะไปให้ถึงยองดง ฉันจึงคิดว่าพวกท่านไม่น่าจะ มีอาหาร (วีแกน) ที่ดี ตลอดเวลา ดังนั้น อาหาร (วีแกน) อะไรที่ดี ๆ ฉันก็ถวายพวกท่านเพราะว่าบางที พวกท่านไม่ได้มีมันมานานแล้ว หรือไม่เคยได้มันมา ดังเช่น เมื่อตอนที่พวกท่านมอบ ศากยะ (น้อยหน่า) อย่างเช่น ทุเรียนเทศ อะไรแบบนั้น มันดูเหมือนว่า มีกลุ่มของพุทธะ อยู่ที่นี่ พวกเขาจึงเรียกว่า ศากยะ หมายถึง “ผลไม้ของพุทธะ” พวกท่านมอบให้ฉันบางส่วน และฉันก็ถามแม่ชีผู้อยู่ประจำว่า “พวกเขามีผลไม้นี้ในเกาหลีไหม?” ท่านตอบว่า “ไม่มี เราปลูกไม่ได้” ท่านบอกว่า “พยายามแล้ว แต่ว่าไม่โต” ฉันบอกว่า “โอเค รีบนำชามนี้ที่เต็มไปด้วย ผลไม้ เพื่อไปมอบแด่เหล่าแม่ชี ฉันมีไม่มากพอสำหรับแต่ละท่าน แต่ว่า พวกเขาสามารถแบ่งกันได้ ช่วยแจ้งพวกท่านแบบนั้น” เพราะว่าพวกเขาไม่มีเพราะฉันรู้สึกว่า พระสงฆ์ไม่มีอะไร: ไม่มีครอบครัว ไม่มีสามี ไม่มีลูก ไม่มีภรรยาแล้วด้วย และเพียงแค่อาหาร (วีแกน)เพื่อ ดำรงชีพ ซึ่งก็ไม่ได้มีมากพอ ทำให้ฉันถวายแด่พวกท่านไป คุณเข้าใจไหม?(เข้าใจค่ะ/ครับ) ไม่ใช่เพื่อบุญกุศล – ไม่มีอะไร! ฉันไม่ได้ใส่ใจเรื่องของตัวฉัน ทุกสิ่งที่นี่ ฉันตระหนักอย่างแท้จริง ว่ามันคือสิ่งลวงตา ไม่มีอะไรสำหรับฉัน คุณจึงต้องมอบให้ ด้วยเจตนา เช่นนี้ ด้วยความรัก ช่วยเหลือ เพราะคุณคิดว่า พวกเขาต้องการมัน อย่าได้คิดถึงพวกบุญกุศล พระพุทธเจ้าทรงตรัสทั้งหมดนั้น อธิบายให้คุณฟัง แต่คุณไม่คิดอย่างนั้น คุณต้องให้ด้วยความรัก แล้วฉันจะบอกคุณ บุญกุศลจะทวีคูณ ไม่ว่าคุณจะใส่ใจมันหรือไม่ แต่ถ้าคุณให้โดยปราศจากความรัก แล้วคุณจะ... คุณก็มีบุญกุศลบ้าง แต่ไม่ทั้งหมดมันไม่มากมาย สิ่งที่ฉันมอบให้พวกเขา แน่นอน พวกเขาฉันอาหารเป็นหมู่คณะ แต่มีบางอย่างอร่อย ที่ฉันคิดว่าพวกเขาไม่เคยกิน พวกเขาไม่เคยลิ้มรส เป็นเพราะประเทศของเขา หรือเพราะว่าการเป็นพระ นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันบอกคุณ คุณต้องเคารพพวกเขา พวกเขาสามารถอยู่ข้างนอก ทำงาน หาเงินเยอะๆเหมือนคุณ มีสามี ภรรยา ลูก ๆ มีบ้าน มีรถ แต่ก็หักห้ามใจ เพราะว่า พวกเขาเชื่อในพระพุทธเจ้า พวกเขาเชื่อว่าการเป็นพระ คือหนทางแห่งการหลุดพ้น เพราะพวกเขาคิดว่า ธรรมชาติของชีวิต นั้นไม่จีรัง ฉันเคารพอุดมการณ์นั้น ฉันเคารพที่พวกเขา มั่นคงในความเชื่อนั้น นั่นคือเหตุที่เราเคารพพวกเขา ต้องมีความหักห้ามใจอย่างมาก ที่จะทำเช่นนั้น ดังนั้น คุณอย่าพูดว่า “เหมือนกัน ประทำจิตโดยอาจารย์เหมือนกัน มันเหมือนกัน” มันไม่เหมือนกัน! คุณเพลิดเพลินกับทุกสิ่ง แต่พวกเขาไม่ คุณเข้าใจหรือยัง? (ครับ/ค่ะ) ดังนั้น เคารพและให้ที่แก่พวกเขา ให้ทางพวกเขาเดิน ทำอะไรก็ตาม ด้วยความเคารพ อย่าคิดว่าเหมือนกัน เรียกพวกเขา “พี่ชาย” “พี่สาว” อาจารย์เดียวกัน ประทับจิตเหมือนกัน ไม่เหมือน พวกเขาพิเศษนอกจากการ รักษาศีลห้า พวกเขารักษาศีลมากกว่าคุณ ศีลมากมายที่ฉันไม่บอกคุณ เพราะว่าคุณ ไม่ใช่แม่ชีและพระ คุณไม่ได้รับอนุญาตให้รู้มัน เพราะบางข้อนั้นละเอียดอ่อน คุณไม่สามารถบอกมันในที่สาธารณะ บางข้อรายละเอียดมาก รักษาศีลยังไง รายละเอียดจริง ๆ มันไม่ทั้งหมด ที่จะบอกแก่สาธารณะ แล้วก็ พวกเขาละทิ้งหลายอย่าง พวกเขาไม่นอนบนเตียงที่ใหญ่และสูง และสบาย ไม่ทั้งหมด นอกจากพวกเขาป่วย และพวกเขานั่งสมาธิเยอะกว่ามาก พวกเขารักษาศีลอย่างแท้จริง พวกเขาเข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมพวกเขาเป็นพระและแม่ชี ทำไมพวกเขาบำเพ็ญ พวกคุณบางคนไม่ เพราะคุณยุ่งเกินไปข้างนอก และว้าวุ่นกับครอบครัวหรืองาน หรือการหาเลี้ยงชีพ และยังคงยึดติด กับชีวิตแบบนั้น คุณบางคนก็ไม่ ฉันไม่พูดว่าพวกคุณทุกคนยึดติด ถึงแม้คุณเป็นฆราวาส ไม่ได้หมายความว่า คุณไม่ปล่อยวาง ฉันไม่ได้พูดอย่างนั้น แต่ฉันพูดว่า พวกคุณหลายคนยังคงไม่ปล่อยวาง จากสิ่งที่พวกคุณชอบกิน จากเสื้อผ้า ที่คุณอยากใส่ การปล่อยวางนั้นมาจากข้างใน ดังนั้นถ้าคุณอยู่ในทางโลก มากเกินไป มันยากมากที่จะปลีกตัวออกมา ยากที่จะมีเวลาเพื่อคิด และจดจ่อในการ บำเพ็ญทางจิตวิญญาณ นั่นเป็นสิ่งที่ฉันพูด ฉันไม่หมายถึงปัญญาทางจิตวิญาณ ฉันไม่ได้หมายความว่า คุณไม่สามารถเป็นพุทธะถ้าคุณ เป็นฆราวาส หรือคุณรู้แจ้งน้อย ไม่จำเป็นฉันแค่เคารพพวกเขา เพราะอุดมการณ์ของพวกเขา การละทิ้งของพวกเขา การหักห้ามใจที่พวกเขาพยายาม พวกเขาพยายามมากที่จะเป็นคนดี เป็นพระที่ดี พวกเขาพยายาม มันยาก แต่พวกเขาก็พยายาม ในยุคนี้ที่มีแต่ความโลภทางวัตถุ และการพัฒนาและการแข่งขัน พวกเขายังคงพยายามรักษามัน มันยาก ดังนั้น ฉันเคารพแบบนั้น และนอกจากนี้ ฉันรู้สึกเห็นใจ กับชีวิตที่พวกเขาประสบ เพราะว่าฉันรู้ จากประสบการณ์ของฉัน คุณต้องมีวินัย ต้องมีเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ มุ่งมั่นใน การบำเพ็ญทางจิตวิญญาณ และไม่ไขว้เขว โดยความสะดวกสบายอื่น ๆ มันยาก แต่มันทำได้ ถ้าคุณต้องการ บรรลุทางจิตวิญญาณจริง ๆ คุณก็แค่ทำมัน แล้วก็(เป็น)ธรรมชาติ ไม่บ่น ไม่รู้สึกว่ามันยากลำบาก ไม่ว่าอะไรก็ตามที่คุณรู้ว่ามันดี สำหรับการบำเพ็ญทางจิตวิญญาณ คุณก็ทำมัน คุณจะทำ ทำจริง ๆ คุณไม่สนใจว่าจะนอนในเต็นท์ หรือนอนพื้น หรือนอนในกระท่อมเล็ก ๆ แทนที่จะเป็นบ้าน คุณไม่สนใจเลย ถ้าคุณรู้ว่ามันดีต่อคุณ คุณทำมันดังนั้นเมื่อคุณให้ ไม่ว่าจะให้แก่พระหรืออาราม หรือโบสถ์หรือวัด คุณทำมัน คุณต้องทำด้วยความรัก คุณต้องคิดว่า ถ้าคุณไม่สามารถได้รับความรัก คุณต้องคิด “โอเค มันจะเป็นอย่างไรถ้าฉันเป็นคนนั้น ฉันไม่มีครอบครัว ฉันไม่มีสิ่งหรูหรา ฉันต้องอยู่กับพื้น สวดมนต์หลายครั้งต่อวัน ไม่มีอย่างอื่น สิ่งมากมายที่ฉันทิ้งไปในชีวิตของฉัน ตอนนี้ สมมุติว่าฉันรักสิ่งนี้มาก แต่ฉันเป็นแม่ชี พระ ฉันไม่สามารถมีมัน ฉันรักมันมาก แต่ถ้าฉันเป็นพระ แม่ชีตอนนี้ ฉันไม่สามารถมีมัน” ลองคิดดูสิ แล้วคุณจะรู้สึกมีความรักให้แก่ ผู้ที่เสียสละชีวิตของพวกเขา เพื่ออุดมการณ์ที่สูงส่ง เพื่อเป้าหมายที่สูงกว่า แล้วคุณก็รัก เพราะฉันรู้สึกเหมือนฉันเป็นพวกเขา นั่นคือประเด็นนั้น ฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันเป็นแมลง ดังนั้นฉันไม่สามารถฆ่าเขา ฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันเป็นนกพิราบ ดังนั้นฉันต้องให้อาหาร(วีแกน)แก่เธอ ฉันต้องหั่น ๆ เธอไม่ชอบขนมปัง เธอชอบอาหารสุนัข(วีแกน)ของฉัน นี่เป็นเด็กที่ฉลาด นกพิราบที่ฉลาด นกพิราบตัวน้อย ฉันให้ขนมปังแก่เธอ บนหลังคา เพื่อเธอจะได้ไม่รู้สึกกลัว ที่จะลงมา แต่เธอลงมา เพราะมีอาหารสุนัข (วีแกน) ที่มีสีสัน เธอพยายามที่จะกิน แต่มันใหญ่เกิน เธอกินไม่ได้ ดังนั้น หลังจากที่ฉันเห็น ฉันจึงตัดเป็นชิ้นเล็กมาก ๆ ไว้บนถนนให้เธอ เพราะเธอชอบกินตรงนั้น เธอไม่ชอบกินในชาม หรือบนหลังคา ทำไงได้? ดังนั้น ฉันใส่น้ำตรงนั้นหน่อย และทุบ เพราะเม็ดมันแข็ง สำหรับสุนัขกิน มันดีสำหรับฟันสุนัข แต่ฉันต้องทุบมันบนถนน โดยใช้หิน เพราะมันคือที่ที่เธอชอบ ฉันอยากให้เธอกินในชามสะอาด แต่ ไม่! เธอชอบกินบนพื้น สกปรก ฉันจะทำยังไงได้? ตกลง ถ้าเธอชอบแบบนั้น เธอก็กินตรงนั้น ฉันวางอาหารบนหลังคา เธอก็ไม่กิน เธอลงไปข้างล่าง และมองหาที่ ที่ฉันวางอาหารไว้เมื่อวาน แต่เธอไม่เห็น เธอก็เลยไป ดังนั้น ฉันนำอาหารจากบนหลังคา ฉันเอาออกมาวางบนพื้นให้เธอ มันเป็นอย่างนั้น คุณได้สิ่งที่คุณต้องการ แม้ว่าฉันรู้สิ่งที่ดีกว่า แต่ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ คุณก็ได้มันทำมันด้วยความรัก ทุกอย่างคุณต้องทำด้วยความรัก ถ้าคุณให้โดยปราศจากรัก มันจะว่างเปล่า ว่างเปล่า แม้แต่การให้ขอทาน คุณต้องเข้าใจสถานการณ์ ของพวกเขา คุณอาจจะไม่สามารถเข้าใจ แต่อย่างน้อยก็ให้ด้วยความเห็นใจ ด้วยความอ่อนน้อม ด้วยความคิดปกป้อง ด้วยพลังงานที่ดี อย่าพูดว่า “นี่ รับไปและไปเลยนะ” ไม่ใช่แบบนั้น รักคือแก่นแท้ของ การกระทำทุกอย่างที่คุณทำ หากปราศจากสิ่งนั้น คุณก็เหมือนเปลือกหอยว่างเปล่า หากปราศจากรัก คุณก็ไม่มีค่า จริง ๆ ไม่ว่าคุณทำอะไร ทำบุญทำกุศลมากมาย และอื่น ๆ คุณแค่โอ้อวดให้คนอื่นดู แต่คุณไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย เขาอาจจะกิน เพื่อให้อิ่ม แต่เขาไม่ได้รู้สึกดี เพราะพลังงานที่คุณให้นั้น ไม่สูง คุณให้เงินมากมาย แต่คุณไม่ได้อะไรเลย คุณไม่รู้สึกว่าพึงพอใจ คุณไม่รู้สึกว่ามีความสุข เพราะถ้าคนนั้นมีความสุข และคุณให้ด้วยความรัก แล้วคุณจะรู้สึกมีความสุขมาก เหมือนว่าคนนั้นคือคุณ และคุณรู้สึกมีความสุข มากกว่าคนนั้นด้วยซ้ำ มันไม่สามารถวัดได้ แต่ฉันรู้ดังนั้นก่อนที่คุณจะถวาย แด่พระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ - ภาพพระพุทธเจ้า หรือพระพุทธรูป โอเค ดี หรือสงฆ์ที่มีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ตาม - แต่คุณอย่ากินก่อน คุณไม่ต้องชิม ‘“ถ้ามีการละเลย หรือการละเมิดในเรื่องนี้ แล้วผู้ตายจะ ไม่ได้รับพลังงานจากมัน’” วาว! วาว! ถ้าคุณไม่ระวัง และทำสิ่งที่บอกไว้ในนี้ แล้วคนที่ตายไปแล้ว จะไม่ได้รับอะไรเลย ไม่ว่าคุณจะทำมากแค่ไหน ดังนั้นต้องเคารพมาก ๆ แม้กระทั่งน้ำ ที่คุณล้างผัก คุณไม่ควร เทลงบนพื้น แต่หลังจากพระพุทธเจ้าฉันเสร็จแล้ว และหลังจากที่ผู้คนกินเสร็จแล้ว บางที คุณอาจเทได้ ก่อนหน้านั้น— ไม่ได้ ก่อนคุณจะถวายพระพุทธเจ้า หรือคณะสงฆ์ คุณอย่าชิม คุณอย่ากินก่อน ให้มันสะอาดอยู่เสมอ และ คุณมีผ้าปิดปากไว้จะดีกว่า และเสิร์ฟโดยสวมถุงมือ ดังนั้นคุณจะไม่ทำให้อาหาร ที่คุณถวายพระพุทธเจ้านั้นปนเปื้อน เพื่อว่าบุญกุศล จะสามารถส่งไปถึงคนตาย ด้วยความรัก และความบริสุทธิ์ ความบริสุทธิ์และความรักเท่านั้น ที่สามารถส่งมอบสิ่งของวัตถุ ไปเป็นบุญกุศลมหาศาลที่มองไม่เห็น แต่สิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ ไม่สามารถส่งผ่านสิ่งนี้ได้ มันเป็นเหมือนหลอด ท่อน้ำ ถ้าข้างในอุดตัน แม้เป็นหินก้อนเล็ก น้ำก็ไม่อาจไหลผ่านออกมาได้ หรือถ้าท่อสกปรก น้ำที่ออกมาจะขุ่น เหลือง สีน้ำตาล ไม่ดี มันง่ายที่จะเข้าใจ หรือไม่? ดังนั้นสิ่งนี้ คุณควรใส่ใจ คุณถวายอาหาร (วีแกน) ตรงหน้าพระพุทธรูป หรือสำหรับพระสงฆ์ คุณอย่าเทน้ำ ที่ล้างผักทิ้งไป เก็บมันไว้ที่นั้น อาจจะทีหลัง อาจจะหลังกินเสร็จ หลังจากอาหารกินหมดแล้ว ไม่ว่าโดยสงฆ์ หรือ... ถ้าคุณถวายอาหาร แล้วคุณค่อยเททิ้งไป และอย่าชิมอาหาร(วีแกน) ก่อนที่คุณจะถวายพระพุทธเจ้า แม้ถวายพุทธะที่ล่วงลับแล้วก็ตาม อย่าชิมอาหาร (วีแกน) ควรถวายพระสงฆ์ก่อน ด้วยความรักและความเคารพ ถ้าไม่งั้น ผู้ตาย จะไม่ได้รับพลังงานจากมัน พระเจ้า! ถูกขวางกั้น เข้าใจไหม? การขัดขวาง นั่นคือเหตุผล‘“ถ้าความสะอาดบริสุทธิ์ ได้รับการรักษาอย่างจริงจัง ในการถวาย แด่พระพุทธเจ้าและสงฆ์’" ไม่ว่าพระพุทธเจ้าที่ยังมีชีวิตอยู่ หรือพุทธะที่นิพพานแล้ว ‘“ผู้ตายจะได้รับหนึ่งในเจ็ด ของบุญกุศลนั้น ดังนั้น ผู้อาวุโส โดยการทำ อาหารมังสวิรัติ/วีแกนถวาย ในนามของ บิดา มารดา หรือญาติที่ตายไป ขณะที่วิงวอนขออย่างจริงใจ ในนามของพวกเขา ผู้คนในชมพูทวีปได้รับประโยชน์ ทั้งคนเป็นและคนตาย’ หลังจากกล่าวดังนั้น บรรดาผีและจิตวิญญาณ จำนวนมากมายนับไม่ถ้วน ของชมพูทวีป ผู้ที่อยู่ในปราสาท ของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์” ฉันบอกคุณแล้ว “พบทางแก้ไขที่ไร้ขีดจำกัด เพื่อบรรลุโพธิญาน” หมายถึง กลายเป็นพระพุทธเจ้า ผี! ผีและวิญญาณทั้งหมด หรือแม้กระทั่งยักษ์! และจำนวนมากมายหลายร้อย หลายพันล้าน ๆ นับไม่ถ้วน “nayuta” หมายถึง มากมาย ไม่สามารถนับได้“ผู้อาวุโสผู้มีวาทศิลป์ที่ยิ่งใหญ่ ทำการคำนับและถอยออกไป” เขาถามเพื่อ ประโยชน์ของสรรพสัตว์เท่านั้น เขาไม่จำเป็นต้องรู้ เขาเป็นเทพเจ้าแล้ว เขาเป็นนักบุญแล้ว เขาไม่ต้องการของถวายทั้งหมดนี้ หรือเขาไม่จำเป็นต้องรู้ทั้งหมดนี้ เขาไม่จำเป็นต้องรู้ เขาแค่ถาม เพื่อประโยชน์ของผู้อื่น เขารู้แล้ว และถึงแม้ ถ้าเขาไม่รู้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องรู้ เขาหลุดพ้นแล้ว เข้าใจมั้ย ตอนนี้? ดังนั้น พวกเราขอขอบคุณ ผู้อาวุโสผู้มีวาทศิลป์ยิ่งใหญ่ผู้นี้ด้วย และพระอานนท์ และใครก็ตามที่ถามพระพุทธเจ้า หรือถามโพธิสัตว์ เพื่อว่านักปราชญ์เหล่านี้สามารถตอบ เราขอบคุณพวกเขาทุกคน ขอบคุณ (ขอบคุณ)