บนดาวเคราะห์ดวงนี้ มีดวงวิญญาณมากมาย ที่ต้องทนทุกข์ ทรมานมากมาย มันเป็นเพราะเหตุนั้น – บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขา ต้องการที่จะยิ่งใหญ่ แต่พวกเขาไม่มีประสบการณ์ใน การจัดการกับโลกที่หลอกลวง และบททดสอบของมายา ดังนั้นพวกเขาจึงล้มเหลว หรือพวกเขาอาจอยากจะล้มลง เพื่อดูว่าจะเป็นอย่างไร และรู้ว่าใน โลกกายภาพนี้ มายาจะลงโทษวิญญาณใด ๆ ที่ไม่ยึดติดกับมาตรฐาน ทางศีลธรรมและคุณธรรม วิญญาณจะไปตามมันด้วย ความเต็มใจ จนกระทั่งวันหนึ่ง พวกเขาได้ทนไม่ไหว และตื่นขึ้นมา แล้วพวกเขาก็ปรารถนาที่จะกลับบ้าน
สวัสดีที่รัก ฉันคิดว่าฉันจะ ต้องคุยกับคุณ เพราะคุณ กดดันให้ฉัน เปลี่ยนโลกนี้ ให้เป็นสวรรค์ ตามคำสั่งจากจิตของคุณ สิ่งต่าง ๆ ไม่ง่ายอย่างนั้น มิฉะนั้น พระพุทธเจ้า ก็ทรงทำเช่นนั้นไปแล้ว พระเยซูก็จะทรงทำเช่นนั้นไปแล้ว และฉันก็ไม่จำเป็น ต้องพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะเปลี่ยนแปลงผู้คน
คุณเห็นไหมว่า ก่อนที่จะมาสู่โลกนี้ หรือโลกใดก็ตาม ดวงวิญญาณปรารถนา ที่จะสมบูรณ์แบบมากขึ้น ยิ่งใหญ่ยิ่งขึ้น ในทางใดทางหนึ่ง เพราะนี่คือสิ่งที่ สร้างขึ้นใหม่โดยมายา และทีมงาน เช่น เทวดาตกสวรรค์ เป็นต้น เขาชอบที่จะต่อต้านพระเจ้า เพื่อพิสูจน์ว่าเขาดีกว่า บัดนี้ หลังจากสร้างโลกนี้แล้ว เขาได้เชิญดวงวิญญาณ ให้ลงมา โดยสัญญากับพวกเขาว่า พวกเขาจะยิ่งใหญ่กว่า ที่เคยเป็น และดวงวิญญาณ – ดวงวิญญาณทั้งหมดเป็นผู้บริสุทธิ์ – แล้วต้องการพิสูจน์ ว่าพวกเขาสามารถดีขึ้นได้ หรือสิ่งใหม่ ๆ เช่นการผจญภัย พวกเขาจึงอาสา ลงมา และ แน่นอนว่า ถ้าคุณต้องการที่จะยิ่งใหญ่ขึ้น คุณต้องผ่านการทดสอบ และการสอบต่าง ๆ
จำเรื่องราวเกี่ยวกับ ท่านมหาวีระได้ไหม? ตอนที่พระองค์ทรงบำเพ็ญ วิปัสสนาของพระองค์ เพื่อให้รู้แจ้งมากขึ้น พระเจ้าองค์หนึ่งในสวรรค์ ก็สรรเสริญพระองค์ว่า "โอ พระมหาวีระ ทรงเป็นสิ่งนี้และสิ่งนั้น และอื่น ๆ วิเศษมาก อัศจรรย์มาก กล้าหาญมาก ยอดเยี่ยมมาก" เขาชอบพระมหาวีระ มาก ๆ แล้วลูกน้องคนหนึ่ง ที่อยู่ด้านข้าง ก็พูดกับพระเจ้าว่า “โอ้ เรื่องนี้เราไม่แน่ใจนัก อย่าสรรเสริญพระองค์มากเกินไป และเร็วเกินไป ให้ข้าพเจ้าลงไป ทดสอบพระองค์เถิด ไม่อย่างนั้นข้าพเจ้า ไม่มีความเคารพพระองค์ มากเท่ากับท่าน ฉันต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองก่อน จึงจะสามารถสรรเสริญพระองค์ หรือยอมรับพระองค์ได้”
พระเจ้าองค์นั้นไม่ได้พูดอะไรเลย ดังนั้น คุณเห็นไหมว่า ตัวตนชอบทดสอบ ในสวรรค์นั้น ลงมา และปรากฏตัวใน เป็นตัวตนหรือสถานการณ์ ที่น่ากลัวทุกประเภท เพื่อทดสอบพระมหาวีระ นั่นคือก่อนที่ พระมหาวีระจะตรัสรู้ โดยสมบูรณ์ และพระองค์ก็ยังไม่มีพลัง พอที่จะต่อสู้กับ เทพองค์นี้ หรืออะไรก็ตามที่คุณเรียกเขา แน่นอน แน่นอน ไม่ใช่ตัวตนที่อ่อนโยน และมีเมตตามากนัก คุณเห็นสิ่งนั้นได้ ดังนั้น พระมหาวีระ จึงต้องทนทุกข์ทรมาน ทางกายมากมาย ตลอดจนความทุกข์ไม่สบาย มากมายทั้งทางจิตวิทยา หรือจิตใจ หรืออารมณ์ แต่ถึงกระนั้น พระมหาวีระก็เอาชนะ พวกเขาทั้งหมดได้ หลังจาก 12 ปีแห่งการทดสอบ และความยากลำบากทุกประเภท จากผู้ใต้บังคับบัญชาที่โง่เขลา ของเทพเจ้าองค์เล็ก หรือสวรรค์บางแห่ง - เทพเจ้าแห่งสวรรค์บางประเภท จากนั้น พระองค์ก็ บรรลุการตรัสรู้โดยสมบูรณ์ ลองนึกภาพว่า เขาต้องทนทุกข์ทรมาน มากขนาดไหน ตลอด 12 ปีเหล่านั้น? และเราได้ยินมาเพียง บางส่วนจากบันทึกบางอย่าง อาจเป็นจากผู้ที่ อาจจะเป็น ลูกศิษย์คนหนึ่งของพระองค์ หรืออาจจะเป็นเทวดาบางองค์ ในสวรรค์ที่เห็น ทุกสิ่งที่เคยต้องการ ปกป้องพระมหาวีระ และรู้ทุกอย่าง แล้วก็เทวดา อาจจะปรากฏกาย เป็นมนุษย์ กลายเป็นลูกศิษย์ หรือสหายของพระองค์ แล้วจดบันทึกไว้ทั้งหมด บางทีพระมหาวีระอาจ เล่าเรื่องนี้ให้ผู้คนฟัง บางส่วน และบางคนอาจ บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร โชคดีที่เรารู้ บางอย่างเกี่ยวกับ ช่วงเวลาแห่งการฝึกฝน และทดสอบของ พระมหาวีระ
บัดนี้เราได้ยินและรู้ ว่าวิญญาณทุกดวงมีประกาย ของพระเจ้าอยู่ภายใน ถูกสร้างตามพระฉายาของพระเจ้า และพระเจ้าทรงสถิต อยู่ภายในพวกเขาด้วย ดังนั้นคุณจึงสงสัยว่า ทำไมดวงวิญญาณถึงถูกมายาหลอก เพื่อที่จะทำสิ่งนี้และสิ่งนั้น ทุกสิ่งในโลก และปล่อยให้ตัวพวกเขาเอง ถูกทดสอบอย่างแข็งขัน – แม้กระทั่งโหดร้ายในบางครั้ง – เพราะดวงวิญญาณต้องการ เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่า แค่การเป็นจิตวิญญาณ เพลิดเพลินกับความผาสุก และความสุขที่พระเจ้า ประทานโดยความรักของพระองค์
ตอนนี้สิ่งที่คล้ายกัน กำลังเกิดขึ้นในโลกของเรา บนดาวเคราะห์ดวงนี้ มีดวงวิญญาณมากมาย ที่ต้องทนทุกข์ ทรมานมากมาย มันเป็นเพราะเหตุนั้น – บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขา ต้องการที่จะยิ่งใหญ่ แต่พวกเขาไม่มีประสบการณ์ใน การจัดการกับโลกที่หลอกลวง และบททดสอบของมายา ดังนั้นพวกเขาจึงล้มเหลว หรือพวกเขาอาจอยากจะล้มลง เพื่อดูว่าจะเป็นอย่างไร และรู้ว่าใน โลกกายภาพนี้ มายาจะลงโทษวิญญาณใด ๆ ที่ไม่ยึดติดกับมาตรฐาน ทางศีลธรรมและคุณธรรม วิญญาณจะไปตามมันด้วย ความเต็มใจ จนกระทั่งวันหนึ่ง พวกเขาได้ทนไม่ไหว และตื่นขึ้นมา แล้วพวกเขาก็ปรารถนาที่จะกลับบ้าน ไม่ว่าพวกเขาจะยิ่งใหญ่ กว่าที่เคยเป็นมา หรือไม่ก็ตาม พวกเขาต้องการกลับบ้าน พวกเขาไม่เอาแล้วกับความยากลำบาก และบททดสอบทั้งหมดนี้
ด้วยเหตุนี้ อาจารย์หลายท่าน จึงมาและไป พวกเขา (ดวงวิญญาณ) ยังไม่ฟังและกลับบ้าน ดังนั้น คำพูดหรือการใช้ เหตุผลหรือตรรกะของอาจารย์ จะดึงดูดเฉพาะ ผู้ที่พร้อม ผู้ที่อดทนต่อ ความทุกข์ทรมานที่สุด เต็มไปด้วย ความเจ็บปวดและความโศกเศร้า ในการดำรงอยู่ทางกายนี้เท่านั้น จากนั้นพวกเขาจะเต็มใจ ที่จะกลับบ้าน ตามรอยเท้าและ/หรือ คำแนะนำของอาจารย์
ยังมีผู้ที่เป็นนักบุญ โดยธรรมชาติอยู่แล้ว – เคยถูกฝึกฝนและทดสอบ มายาวนานหลายชั่วอายุคนมาก่อน จากนั้นพวกเขาก็พร้อม ที่จะติดตามอาจารย์ สิ่งที่อาจารย์พูดไป สิ่งที่อาจารย์บอก และอธิบายไป พวกเขาเข้าใจทันที ไม่มีคำถาม อยู่ในใจของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงวางใจอาจารย์ทันที และทำตามทุกสิ่ง ที่อาจารย์ต้องการบอก และสอนพวกเขา คนเหล่านี้เรียกว่า ลูกศิษย์ที่ดี พวกเขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ทรงพลัง และ มีประโยชน์และช่วยเหลือ มนุษยชาติอย่างมาก แม้ว่าจะมีไม่มาก เพราะอาจารย์คนใดก็ตาม ที่ลงมาสามารถนำมาได้ เพียงบางส่วนที่เรียกว่า มือขวาของท่านเท่านั้น ผู้ที่ติดตามเขาแต่ก่อน หรือติดตามเธอแต่ก่อน ได้รับการฝึกฝน ได้รับการทดสอบแล้ว ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้ว พวกเขาลงมาโดยเจตนา เพื่อสนับสนุนภารกิจของอาจารย์ คนเหล่านี้เป็น นักบุญและปราชญ์อยู่แล้ว – หรือเคยศึกษากับอาจารย์ เป็นลูกศิษย์มาหลายชาติก่อน – หลุดพ้นแล้ว แต่ลงมายังโลก ด้วยจุดประสงค์เพียงเพื่อสนับสนุน อาจารย์ของพวกเขา เพราะหากไม่มีการเชื่อมต่อ ทางกายภาพกับโลกนี้ พวกเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก
วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด ในการช่วยเหลือมนุษยชาติ หรือสิ่งมีชีวิตใด ๆ บน ดาวเคราะห์นี้ คือ คุณต้องอยู่ ที่นั่นกับพวกเขาในขอบเขต ทางกายภาพ และทำสิ่งต่าง ๆ ทางกายภาพทุกชนิด อย่างที่สิ่งมีชีวิต บนดาวเคราะห์นี้ทำ อีกทั้งเพื่อให้เข้าใจถึง ความทุกข์ทรมานของตนด้วย เพราะถ้าพวกเขาไม่ได้ ทนทุกข์ร่วมกับมนุษย์ ก็เป็นเรื่องยากมาก สำหรับพวกเขาที่จะ เข้าใจความทุกข์ทรมานและ ความเจ็บปวดของมนุษย์ มันง่ายที่จะพูดว่า "โอเค คุณมองดูก็ได้" แต่คุณจะมอง ได้กี่คน คุณจะเห็นความทุกข์แค่ไหน? ไม่ใช่ว่าคุณสามารถ ไปทุกบ้านเพื่อดู ว่าใครเป็นทุกข์ ใครไม่ทุกข์ และ จำนวนสิ่งมีชีวิตที่ทุกข์มีเท่าไหร่ เพราะถ้าคุณไม่เห็นมัน คุณไม่ได้สัมผัสเอง มันยากมากที่จะรู้ มันเหมือนกับคนรวย มันยากสำหรับเขา ที่จะเข้าใจความลำบาก และความทุกข์ทรมาน ของคนจรจัด ตามท้องถนน - ในฤดูหนาวด้วย ไม่มีอาหาร ไม่มีเครื่องดื่ม ไม่มีเสื้อผ้าเพียงพอ และไม่มีสถานที่ ที่จะปกป้องตนเอง จากสภาพอากาศเลวร้าย นั่นเป็นสาเหตุที่คนส่วนใหญ่ แม้ว่าพวกเขา ต้องการทำความดี พวกเขาแค่พูดว่า "โอ้ ฉันทำดี ฉันรักสัตว์" พวกเขากินสัตว์! ไม่คิดซ้ำ
พวกเขาพูดว่า "โอ้ ฉันรักผู้คน ฉันชอบช่วยเหลือคนยากจน” แต่มีสักกี่คน ที่พยายามช่วยเหลือ คนยากจนจริง ๆ? หรือจะมอบอาหารให้ กับธนาคารอาหารก็ได้ หรือให้ที่พักพิง แก่คนจรจัด แม้จะเรียบง่ายเหมือน โรงเก็บของในสวน หรือโรงจอดรถก็ตาม มันพูดง่าย แต่ยากที่จะเข้าใจ เช่นเดียวกับ เมื่อพวกเขาอยู่ในสวรรค์ พวกเขาสัญญากับพระเจ้าว่า พวกเขาสามารถทำทุกอย่างได้ พวกเขาจะทำทุกอย่าง เพื่อช่วยเหลือมนุษย์ พวกเขาจะเป็นคนดี พวกเขาจะใจดี พวกเขาจะเมตตา ทั้งหมดนี้และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่เมื่อพวกเขาลงมายังโลก และเผชิญกับสถานการณ์ เหมือนที่มนุษย์คนอื่น ต้องเผชิญทุกวัน พวกเขาจะไม่ใช้วิจารณญาณ ที่ถูกต้องเสมอไป พวกเขาจะไม่สามารถ โต้ตอบในทางที่ชอบธรรม หรือถูกต้องได้ เพราะก่อนที่พวกเขาจะลงไป สู่ขอบเขตทางกายภาพนี้ พวกเขาจะต้องใช้เครื่องมือนี้ ที่เรียกว่าจิตใจ
และเมื่ออยู่ใน ร่างกายก็ต้องรับ อีกส่วนหนึ่งที่ เรียกว่าสมอง ซึ่งไม่มีใครจำเป็นต้องใช้ ในระดับที่สูงกว่า ดูสิ เมื่อคุณลงไป จนสุดทาง แค่ว่าอาจจะ จากระดับที่สี่หรือที่ห้า คุณจะต้องผ่าน ระดับที่สาม ซึ่งเป็นระดับพระพรหม และหลังจากนั้น คุณจะต้องผ่านระดับทำลายล้าง และสร้างสรรค์ ซึ่งก็คือระดับที่สอง แล้วคุณก็ จะได้จิตใจ จิตใจมี ความรู้แบบพื้นฐาน และประสบการณ์ ในการจัดการกับ สถานการณ์นี้และ สถานการณ์นั้น แต่ในโลกนี้มีสิ่งต่าง ๆ มากมายให้ สัมผัสและผ่านพ้นไป ดังนั้น จิตใจไม่สามารถ ให้คำตอบทั้งหมดได้เสมอไป ดังนั้น สมอง จึงต้องให้คำตอบบาง สถานการณ์เพื่อให้มนุษย์ จัดการกับสถานการณ์ ที่แตกต่างกันได้
และเช่นเดียวกับ คนที่ลงมาจาก ระดับที่สูงกว่า พวกเขาอาจสับสนและ สับสนอยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งพวกเขาอาจ ได้พบกับอาจารย์ อาจารย์อีกท่านอีกครั้ง หรืออาจารย์ที่จุติใหม่ ซึ่งได้ให้วิธีการรู้แจ้ง แก่พวกเขา เช่น ธรรมวิถีกวนอิม แห่งแสงสวรรค์ภายใน และ ทำนองสวรรค์ภายใน ซึ่งหมายถึง การสอน โดยตรงของพระเจ้า จากนั้นพวกเขาจะตื่นขึ้น รู้แจ้ง และพวกเขาสามารถ รับมือกับสถานการณ์ได้ดีขึ้น เพราะพวกเขา ได้รู้แจ้งมากขึ้น พวกเขามีปัญญามากขึ้น ไม่ใช่แค่ความรู้ทางโลก จากโรงเรียนเท่านั้น แต่พวกเขา มีทางเข้าถึงปัญญาโดยกำเนิด ที่มีอยู่ในตัวเราทุกคนด้วย
และตอนนี้ในโลกนี้ มีสองด้าน เราทุกคนรู้ดีว่า: ด้านบวก และด้านลบ ดังนั้นมนุษย์บางคนเลือก ที่จะทำตามด้านลบ เพราะดูเหมือนมันเข้าถึงได้ง่าย ง่ายดาย และคุณ สามารถเห็นผลได้ทันที คุณสามารถตัดสินใจทำ สิ่งที่ไม่เป็นไปตาม พระเจ้าหรือสวรรค์ได้ แต่ก็จะให้พวกเขา ตื่นเต้นบ้าง มีพลังบ้าง เป็นการชั่วคราวและรวดเร็ว พวกเขาก็เลยจะทำตาม วิถีชีวิตประเภทนี้ เหมือนผู้คน บางครั้ง พวกเขารู้สึกเบื่อหรือหดหู่ แล้วพวกเขาก็ออกไป พวกเขาก็ไปกิน เนื้อชาวสัตว์ในบาร์ แล้วพวกเขาก็ดื่ม สุรากับมัน และพวกเขาก็รู้สึกถึงผลนั้นทันที พวกเขารู้สึกเหมือนหดหู่น้อยลง และพวกเขามีความสุขมากขึ้น และอะไรทำนองนั้น – จนกว่าผลนี้จะหมดไป และพวกเขาก็กลายเป็นว่า เศร้าหมองมากยิ่งขึ้น
และผลข้างเคียงทางกายภาพ ก็จะกัดกินพวกเขาด้วย พวกเขาจะเจ็บป่วยมากขึ้น และมีภาวะซึมเศร้ามากยิ่งขึ้น และพวกเขาจะต้อง ใช้เวลาอยู่ในโรงพยาบาลมากขึ้น และทุกสิ่งทุกอย่าง จะส่งผลกระทบต่อพวกเขา และส่งผลกระทบต่อธุรกิจพวกเขา เพราะพวกเขาคิดไม่ออก เนื่องจากสุราและ เนื้อชาวสัตว์มากเกินไป และพิษจากเนื้อสัตว์ และจากสุรา และพวกเขาก็กลายเป็น ฉลาดน้อยลงเรื่อย ๆ ดังนั้น พวกเขาอาจจะไม่สามารถ ทำธุรกิจได้เป็นอย่างดี พวกเขาก็อาจจะ ไม่ปฏิบัติต่อครอบครัวของพวกเขา ได้ดีอย่างที่พวกเขาต้องการ ดังนั้นความขัดแย้งในครอบครัวจึง จะปรากฏชัด ถูกสร้างขึ้น และครอบครัวแตกแยก นอกจากนี้ ครอบครัวที่แตกแยก จะส่งผลเสียอย่างมาก ต่อเด็ก ๆ และสังคมโดยรวม ด้วยผลที่ตามมา เพราะเราจะมี คนที่ฉลาดน้อยลง และมีลูกที่มีความสุขน้อยลง ฯลฯ
คุณสามารถมองไปรอบโลกของเรา และคุณจะเห็นว่าโลกของเรา ว่ายุ่งวุ่นวายขนาดไหน เป็นเพราะคนเราไม่ให้ เชื้อเพลิงทางกายภาพ ที่ถูกต้องแก่ร่างกาย ซึ่งก็เหมือนกับรถยนต์ ถ้าเติมน้ำมันดี ๆ มันก็จะวิ่งได้ดีขึ้น และวิ่งได้นานขึ้น คล้ายกับร่างกายเราเลย แอลกอฮอล์และเนื้อชาวสัตว์ หรือยาเสพติดหรือของผิด ที่ใส่เข้าไปในร่างกายของคุณ พวกมันทำให้สมอง จิตใจของคุณสับสน มันกลายเป็นเหมือนไฮบริด ดังนั้นคุณไม่สามารถควบคุมมันได้ และมันจะให้ข้อมูลเท็จ ทุกประเภทแก่คุณ และ คุณไม่สามารถคิดได้อย่างถูกต้อง และชอบธรรม และ ทำให้คุณทำสิ่งผิดต่อไป
และยิ่งคุณทำผิดมากเท่าไร ผลลัพธ์ที่ผิดก็จะยิ่งออกมา มากขึ้นเท่านั้น แต่ผู้คนจมอยู่กับ กับดัก ประเภทนี้มาก ดังนั้น พวกเขาจึงไม่สามารถตระหนักได้ ว่าพวกเขากำลังทำผิด และได้รับผลลัพธ์ที่ผิด โลกของเราจึงมีความทุกข์ยากเช่นนี้