ค้นหา
ไทย
  • English
  • 正體中文
  • 简体中文
  • Deutsch
  • Español
  • Français
  • Magyar
  • 日本語
  • 한국어
  • Монгол хэл
  • Âu Lạc
  • български
  • Bahasa Melayu
  • فارسی
  • Português
  • Română
  • Bahasa Indonesia
  • ไทย
  • العربية
  • Čeština
  • ਪੰਜਾਬੀ
  • Русский
  • తెలుగు లిపి
  • हिन्दी
  • Polski
  • Italiano
  • Wikang Tagalog
  • Українська Мова
  • อื่น ๆ
  • English
  • 正體中文
  • 简体中文
  • Deutsch
  • Español
  • Français
  • Magyar
  • 日本語
  • 한국어
  • Монгол хэл
  • Âu Lạc
  • български
  • Bahasa Melayu
  • فارسی
  • Português
  • Română
  • Bahasa Indonesia
  • ไทย
  • العربية
  • Čeština
  • ਪੰਜਾਬੀ
  • Русский
  • తెలుగు లిపి
  • हिन्दी
  • Polski
  • Italiano
  • Wikang Tagalog
  • Українська Мова
  • อื่น ๆ
ชื่อ
การถอดเสียง
ต่อไป
 

กินตามกรรมของคุณ ตอนที่ 4 จาก 6 ตอน

รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม

ประเพณีการกินแบบนี้ แน่นอนว่าหนึ่งมื้อต่อวัน นั้นเกิดจากปัญญา และความสะดวกสบาย พระพุทธเจ้าทรงตั้งชื่อมันว่า: “ทางสายกลาง” – ไม่เข้มงวดจนเกินไป ไม่ตามใจเกินไป […] หากว่าลูกศิษย์หรือสาวก ต้องมาสองสามครั้งต่อวัน เพื่อเตรียมอาหารให้พวกเขา แล้วเมื่อไหร่พวกเขาจะ มีเวลาที่จะเงียบ สงบใจ และนั่งสมาธิหรือฟังคำสอน ของพระพุทธเจ้าได้อย่างไร? ในสมัยนั้น เราไม่มี แสงไฟใหญ่ที่สว่างไสว มันมีไฟสลัว ๆ ฉะนั้น จะดีกว่าที่พระพุทธเจ้า ทรงเทศนาในเวลากลางวัน […] แล้วตอนกลางคืน พวกเขาก็จะ มีเวลานั่งสมาธิร่วมกัน […]

เวลากลางคืนเป็น ช่วงเวลาของพลังด้านลบ ที่ท่องไปทั่วและ รบกวนความสงบสุขของคุณ และดูดพลังงานของคุณ แม้แต่ส่งอิทธิพลต่อคุณให้ทำสิ่งผิด ซึ่งส่งผลให้สร้างกรรมชั่วแก่คุณ และ/หรือผู้อื่น! บางครั้งฉันต้อง ทำงานตอนดึก ฉันขอโทษตัวเองมาก ฉันต้องบอกว่าฉันไม่ใช่หิน ฉันไม่ได้ทำจากเหล็ก ฉันขอโทษตัวเองและ ทีมงานบางคนที่ต้อง ทำงานตอนกลางคืนด้วย แต่ถ้าเราจำเป็นต้องทำ เราก็ทำ

ถ้าใครที่เป็น ชาวสุพรีมมาสเตอร์ทีวี อยากกินวันละครั้ง คุณสามารถทำได้ถ้าคุณต้องการ ถ้าคุณคิดว่ามันช่วยคุณได้ คุณต้องฟังร่างกาย และสังเกตพลังงานของคุณ เพื่อดูว่ามันดีหรือไม่ หากคุณรู้สึกว่ามีปัญหาใด ๆ โปรดหยุดทันที เรามีเงินเพียงพอ เรามีอาหารเพียงพอ สำหรับคุณเสมอ ฉันมี ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น

คุณมีทุกสิ่งที่จำเป็นใน การดำรงชีวิตอย่างสะดวกสบายและดี ดังนั้นอย่าฝืนตัวเอง พยายามประหยัดเงิน หรืออะไรทำนองนั้น ไม่ ไม่จำเป็น ไม่จำเป็น ฉันไม่ใช่เศรษฐีพันล้าน แต่ธุรกิจของฉัน มีรายได้เพียงพอ แม้ในช่วงที่เกิดโรคระบาด เราก็ยังมีเหลืออยู่ ฉันแน่ใจว่าเราจะสามารถ ทำงานของเราต่อไปได้ แต่มันก็เป็นพระคุณของพระเจ้าด้วย ถ้าวันหนึ่งเราไม่มี ฉันจะรายงานให้คุณทราบ ในตอนนี้ คุณยังคงกิน ให้อร่อย นอนหลับดี และทำสิ่งที่คุณทำได้ เพื่อโลกผ่านทาง โทรทัศน์สุพรีมมาสเตอร์ เพราะทุกวันนี้ ผ่านสื่อประเภทนี้ เท่านั้นที่เราจะ เผยแพร่สัจธรรมและ รายงานทั้งหมด รายงานจริงไปทั่วโลก ฉันเคยไปทั่วโลกมาก่อน ไปบรรยาย แต่ผลกระทบ และผลลัพธ์นั้นเทียบไม่ได้เลย กับสื่อเช่น โทรทัศน์หรือ อินเทอร์เน็ต นั่นเป็นเหตุผลที่เรากำลังทำมัน แต่อย่าทำให้ตัวเองตกเป็น เหยื่อของการบำเพ็ญตบะ

ทุกเป้าหมายอันสูงส่ง อะไรก็ตามคุณพยายามลดให้น้อยที่สุด ทำให้โลกของคุณง่ายขึ้น และเพื่อรักษาทรัพยากร ของดาวเคราะห์นี้ ฉันซาบซึ้งมาก ฉันจะขอบคุณมันมาก แต่อย่าฝืนเกินไป ร่างกายของคุณ ชีวิตทางกายภาพ ของคุณมีความสำคัญมากต่อ การบำเพ็ญจิตวิญญาณของคุณ การบำเพ็ญที่นี่ ง่ายกว่าบนสวรรค์ ในสวรรค์ มันช้ากว่าเพราะ คุณไม่มีอะไรทำที่นั่น คุณไม่มีผลบุญและ ความท้าทายใน การขัดเกลาคุณมากนัก ดังนั้น สิ่งที่คุณหามาได้ในโลกนี้ จากการฝึกปฏิบัติทางจิตวิญญาณ จะเร็วกว่าและ มีคุณค่ามากกว่าที่อื่นมาก ดังนั้นจงดูแลร่างกายของคุณ และทำความดีเพื่อโลก ไม่จำเป็นต้อง “ฆ่า” ตัวคุณเอง เพื่อสิ่งใด แม้แต่เพื่อ โทรทัศน์สุพรีมมาสเตอร์ก็ตาม เข้าใจแล้วใช่ไหม?

หากคุณต้องการลองอาหารที่ ไม่เจ็บปวด – ก็ได้เช่นกัน ดูว่าร่างกายของคุณโอเคกับมันไหม อย่าฝืนอะไรทั้งนั้น ฉันแค่บอกคุณว่าคุณสามารถ มีชีวิตอยู่ได้ถ้าคุณต้องการ เพราะฉันทำได้ ฉันได้ทำไปแล้ว มันโอเค หรือแม้แต่แค่ ข้าวกล้อง งา และเกลือ - โอเค และแม้กระทั่งการกินอาหารวันละครั้ง – โอเค แต่มันขึ้นอยู่กับว่าคุณ ต้องทำงานและวิ่งวุ่นวายใน สถานการณ์ของคุณมากแค่ไหน

เราไม่ได้ทำงานง่ายขนาดนั้น เราต้องทำงานในช่วงเวลาที่ วุ่นวายและบางครั้งในตอนกลางคืน ซึ่งเราไม่สามารถนอนได้ด้วยซ้ำ เราต้องทำอะไรบางอย่าง เมื่อถึงสถานการณ์เร่งด่วน และฉันรู้สึกขอบคุณมากที่ ทุกครั้งที่มี เอฟเอ็น (ข่าวฟลาย-อิน) คุณทำงานหนัก ขยัน และรวดเร็วมาก คุณทำให้ฉันประหลาดใจเสมอด้วย ประสิทธิภาพและความเร็วของคุณ ขอขอบคุณอีกครั้ง และอีกครั้ง ขอให้พระเจ้าอวยพรคุณ ทุกคนมาก ดังนั้น ทีมงานสุพรีมมาสเตอร์ทีวี ในบ้าน ต้องทำสมาธิอย่างน้อย สามครั้งต่อวัน และถ้าคุณมีเวลามากขึ้น แน่นอน คุณทำสมาธิมากขึ้น และคุณทำสมาธิ ตอนกลางคืนเช่นกัน

ทำไมพระพุทธเจ้า ให้พระภายใต้การดูแลของพระองค์ ดื่มน้ำผลไม้ แม้ว่าพระ จะไม่ค่อยอยาก? นั่นเป็นเพราะก่อนหน้าวันนั้น พระพุทธเจ้าและเหล่าพระสงฆ์ ไม่เคยดื่มหรือฉันอะไร ที่ดูเหมือนอาหารเลย หรือจากอาหาร อย่างนั้นแต่ก่อน พวกเขาแค่ดื่มน้ำ ในตอนบ่าย แล้ว ไม่มีอะไรตอนกลางคืน แล้วออกไปบิณฑบาต ในตอนเช้า แล้วกลับบ้าน ฉันอาหารกลางวัน ตอนเที่ยง มันไม่สำคัญว่าพระสงฆ์ ดื่มน้ำผลไม้เพิ่มจาก ผักหรือผลไม้อย่างนั้น เพราะพวกเขามีผลบุญเพียงพอ ที่จะย่อยมัน และให้ผลบุญ ตามน้ำผลไม้ ที่พวกเขาดื่ม แม้แต่แก่โลก แก่ผู้คนที่ถวายให้พวกเขา และแม้แต่ผักและ ต้นผลไม้ที่มีส่วนร่วม

เพราะพระสงฆ์ของพระพุทธเจ้า มีข้อได้เปรียบเช่นกัน ที่พวกเขาออกไปหนึ่งครั้ง ต่อวันเพื่อบิณฑบาต และกลับที่พัก ไปที่กระท่อมของพวกเขา หรือที่ใด ที่พวกเขาอยู่ และต้องกินมันเท่านั้น แล้วพวกเขาก็ไปทำสมาธิ และฟังพระพุทธเจ้าเทศนา ดังนั้น พวกเขาก็ทำสมาธิมากมาย และเชื่อมต่อมากมาย กับอาจารย์ทางจิตวิญญาณ เช่น พระพุทธเจ้า พวกเขาทำสมาธิมากหลังจากนั้น หรือระหว่างนั้น หรือก่อนหน้านั้น แล้วพวกเขาก็พักผ่อนเช่นกัน ในสภาพความคิดแบบสมาธิ ดังนั้น แม้ว่าพวกเขากินหนึ่งมื้อต่อวัน นั่นก็โอเคเช่นกัน เพราะพวกเขา ไม่ได้ใช้พลังงานมากเกินไป ทำอย่างอื่น และถ้าพวกเขาดื่ม น้ำผลไม้เพิ่ม ซึ่งทำจากผักสด และ/หรือผลไม้ พวกเขาก็สามารถ ย่อยมันได้เช่นกัน ผลบุญของพวกเขานั้นมากมาย นั่นคือเหตุผลที่ตอนที่พวกเขา อธิษฐานถึงพระพุทธเจ้า อธิษฐานถึงพวกเขา (พระสงฆ์) พวกเขาได้รับผลบุญทันที หรือภายหลัง คุณก็มีผลบุญเพียงพอเช่นกัน ที่กินสองครั้งต่อวัน หรือ ถ้าคุณอยาก คุณก็กิน อาหารให้อิ่มดี ๆ ตอนเที่ยงหรือก่อนเที่ยง แล้วก็อาหารเบากว่า หรือน้ำผลไม้ตอนบ่าย

ประเพณีการกิน หนึ่งมื้อต่อวันนี้ แน่นอน เกิดจากภูมิปัญญา และความสะดวก พระพุทธเจ้าทรงเรียกมันว่า: “ทางสายกลาง” - ไม่เคร่งเกินไป ไม่ผ่อนปรนเกินไป เพราะลองจินตนาการเหล่าพระพุทธเจ้า หรือพระสงฆ์ ต้องไป บิณฑบาตสองหรือสามครั้งต่อวัน ในสถานการณ์ยากลำบาก ในสมัยโบราณ ที่ไม่มีอะไรง่าย ๆ ให้เลย และไม่ต้องพูดถึงกำลังคน และการขนส่ง! หรือถ้าลูกศิษย์หรือสาวก ต้องมาสอง สามครั้งต่อวัน เพื่อเตรียมอาหารให้พวกเขา แล้วตอนไหนที่พวกเขา จะมีเวลาอยู่เงียบ ๆ พักผ่อนและทำสมาธิ หรือฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า? ในสมัยโน้น เราไม่มี ไฟสว่างดวงใหญ่ ๆ มันมีไฟสลัว ๆ ดังนั้น มันดีกว่าที่พระพุทธเจ้า ทรงบรรยายธรรมตอนกลางวัน และระบบ การออกไปบิณฑบาต จากบ้านหลังนึงไปอีกหลังนึง ทำให้พระสงฆ์ ได้มีโอกาส แนะนำพระพุทธเจ้าและ พระธรรมอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ให้ แก่มวลชน เพราะมันไม่มีวิธีไฮเทค สำหรับการสื่อสาร เช่นของเราทุกวันนี้ แล้วตอนกลางคืน พวกเขาสามารถ มีเวลาทำสมาธิด้วยกัน พวกเขาไม่ต้องไปไกล เพราะมันมืด

ประเพณีนี้ก็มาจาก พระปัญญาของพระพุทธเจ้าเช่นกัน เพราะแต่ก่อนนั้น ก่อน การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงบำเพ็ญ วิถีอื่น ๆ และหนึ่งในนั้น เป็นการเสริม ความเคร่งครัดมาก ๆ ต่อความต้องการ ของร่างกายอย่างแท้จริง เกือบจะอดอยาก และไม่ดื่ม- ไม่มีอะไรมาก ดังนั้นหลังจากพระพุทธเจ้าทรงนั่ง ใต้ต้นโพธิ์และ พยายามทำสมาธิเพื่อไปให้ถึง การตรัสรู้ครั้งสุดท้าย ร่างกายของพระองค์ก็ ผอมแห้งมากจริง ๆ จนในที่สุด เมื่อพระองค์ทรงเสร็จสิ้นการเข้าฌาน ลำพังองค์เดียว 49 วันของพระองค์ พระองค์ทรงรับ ข้าวต้มนมชามหนึ่ง จากหนึ่งในสาวเลี้ยงโค แล้วพระองค์ทรงรู้สึกว่า ร่างกายของพระองค์ดีขึ้น พระองค์มีจิตที่สดใสขึ้น ทุกอย่างดีขึ้น พระองค์จึงทรงตระหนักว่า การบำเพ็ญตบะอย่างสุดขั้ว ไม่เป็นผลดีนักจริง ๆ เพราะหากร่างกายของคุณป่วย หรืออ่อนแอเกินไป เหนื่อยเกินไป ที่จะทนต่อธาตุต่าง ๆ แล้วคุณจะบรรลุพระโพธิญาณ สูงขึ้นไปหรือสูงสุด ต่อไปได้อย่างไร? แล้วคุณจะอยู่ในสังสารวัฏนี้ต่อไป อีกสักระยะได้อย่างไร เพื่อช่วยเผยแผ่สัจธรรม คำสอนที่แท้จริง และอวยพรโลกกว้าง และอวยพรดวงวิญญาณทุกดวง ที่มาหาคุณเพื่อแสวงหา การรู้แจ้งและการหลุดพ้น? คุณต้องอยู่ตรงนั้นเพื่อพวกเขา เพื่อโลกใบนี้ จนกว่าเวลาของร่างกายคุณจะหมดลง และคุณก็กลับไปสู่สวรรค์ หรือนิพพาน คุณรู้แล้วตอนนี้

ดังนั้น ถ้าคุณต้องการกินอาหาร มากกว่าหนึ่งมื้อต่อวัน มันก็โอเคกับฉัน คุณต้องทำงานทั้งทางร่างกาย อารมณ์ และจิตวิญญาณ ในขณะที่คุณอยู่ในบ้าน เพื่อทำงานให้กับ โทรทัศน์สุพรีมมาสเตอร์ต่อไป คุณจะต้องฟิตดี ตื่นตัว และมีความสุขด้วย มื้อเดียวต่อวัน มันไม่เหมาะกับทุกคน อาจต้องมีการฝึกฝน ที่เข้มงวด ระบุไว้เพื่อการนั้นโดยเฉพาะ และในช่วงเวลานั้น คุณต้องมีสมาธิกับ การกินแบบนี้นี้ จากนั้น ถ้าคุณรู้สึกหิว ในระหว่างวัน หลังจากนั้น หรือก่อนหน้านั้น ก็อาจจะ เป็นเรื่องยากที่จะมีสมาธิ ในการทำสมาธิ หรือทำงาน โทรทัศน์สุพรีมมาสเตอร์ ดังนั้นการทำสมาธิวันละสามครั้ง อาหารวันละสองมื้อ ถือว่าสมเหตุสมผลมาก

เพราะไม่ใช่ทุกคน สามารถกินได้อิ่มดีในหนึ่งมื้อ บางคนกินน้อยมาก หลายครั้งต่อวัน เพราะพวกเขากินมากไม่ได้ ในคราวเดียว หรือบางคนต้องกิน หลายครั้งต่อวัน ตามคำสั่งของแพทย์ หรือตามสภาพร่างกายของพวกเขา บางคนสามารถเพ่ง และกินได้เยอะในครั้งเดียว ดังนั้น มันขึ้นอยู่กับร่างกายคุณ และความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณ และจิตใจของคุณที่จะทำตาม การกินอาหารแบบหนึ่งมื้อต่อวัน และ เพราะคุณใช้ชีวิต ในโลกนี้ มันอาจจะ มีพลังงานกรรมจำนวนมหาศาล อยู่รอบ ๆ ตัวคุณ หรือที่ใดที่ก็ตามที่คุณกำลังไป ในโลกนี้

Photo Caption: จากกันด้วยการยอมรับ และความกระจ่างใสภายใน!

ดาวน์โหลดรูปภาพ   

รับชมเพิ่มเติม
ทุกตอน  (4/6)
รับชมเพิ่มเติม
วีดีโอล่าสุด
แบ่งปัน
แบ่งปันไปที่
ฝัง
เริ่มที่
ดาวน์โหลด
โทรศัพท์มือถือ
โทรศัพท์มือถือ
ไอโฟน
แอนดรอยด์
รับชมในบราวเซอร์ในโทรศัพท์มือถือ
GO
GO
Prompt
OK
แอพ
สแกนโค้ดคิวอาร์ เลือกระบบโทรศัพท์ที่ถูกต้อง เพื่อดาวโหลด
ไอโฟน
แอนดรอยด์