รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
จงคิดให้ดี ก่อนที่คุณจะสวดอธิษฐาน ไม่ว่าคุณจะทำได้หรือไม่ก็ตาม ถ้าคุณทำไม่ได้จริงๆ และมันไม่มีวิธีอื่น นั่นก็โอเค พลังของอาจารย์ สามารถช่วยคุณได้ แต่อย่าใช้ในทางผิด โอเค? จะทำให้คุณขี้เกียจ ทำให้คุณไม่กล้าหาญ ทำให้คุณไม่ฉลาด ทำให้คุณเหมือนกับซอมบี้ มันไม่ดีเลย ฉันไม่ต้องการให้คุณ เป็นแบบซอมบี้ ฉันอยากให้คุณ เป็นคนที่กระตือรือร้น เป็นคนที่ดีกว่าเมื่อก่อน รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น นึกถึงคนอื่น ก่อนตัวคุณเองเสมอ เอาล่ะ มันก็ไม่ง่าย แน่นอน แต่ให้ฝึกตัวคุณเอง พยายามทำ สิ่งใดดีสำหรับผู้อื่น ก็พยายาม พยายามผลักดันให้ตัวเองทำมันตอนที่ประทับจิตนั้น พวกคุณเป็นอิสระ และคุณเพียงแค่ ต้องทำต่อเท่านั้น ใช่ไหม? และพวกคุณก็มีกันและกัน ทุกอย่างโอเคแล้ว ดังนั้นฉัน ไม่ต้องห่วงพวกคุณเลยจริงๆ แม้ว่าฉันไม่พบพวกคุณ ฉันก็ไม่กังวล มันเพียงแต่ว่าพวกคุณ ชอบที่จะเห็นฉัน ดังนั้นโอเค ฉันพยายามทำให้ได้ แต่ฉันก็ เป็นห่วงคนอื่นๆ เป็นห่วงดาวโลก เป็นห่วงชาวโลก เป็นห่วงเหยื่อที่ไร้ทางสู้ เป็นห่วงจักรวาล ดังนั้นฉันก็ต้องเพิ่มพลัง ด้านจิตวิญญาณให้ตัวฉันเอง ให้มากๆ เพื่อที่จะดูแล ทุกมุมที่ฉันสามารถทำได้แต่ฉันบอกคุณแล้วว่า ฉันไม่ห่วงพวกคุณมากนัก เพราะว่า พวกคุณมีฉัน แต่ว่าคนอื่นๆ พวกเขาไม่มี พวกเขาไม่มีอะไรให้พึ่งพา ให้อธิษฐานถึง พวกเขาสวดอธิษฐานถึงพระเจ้า แต่พวกเขาบอกว่า พระเจ้าไม่ตอบรับ พวกเขาอธิษฐานถึงพุทธะ และบอกว่า พุทธะเมินเฉยพวกเขา ดังนั้นฉันเป็นห่วงคนเหล่านี้ เข้าใจไหม? ดังนั้นถ้าพวกเขาต้องการมัน เราก็ให้พวกเขา สิ่งปลอบใจตามที่เรามี สำหรับในภาวะเร่งด่วน แน่นอน ฉันไม่สามารถดูแล โลกทั้งหมดได้ทุกๆ วัน ให้พวกเขาได้ทุกสิ่ง ตามที่พวกเขาต้องการ แต่ในกรณีฉุกเฉิน กรณีเกิดภัยพิบัติ เราให้พวกเขา ฉันไม่เคยเสียใจ ดังนั้นด้วยเหตุนี้ พวกคุณจึงมีเท่าที่มีอยู่ที่นี่ โอเค?แม้ว่าคุณไม่มีฉัน แต่ถ้าคุณมีบ้าน มีงานที่ดี มีรายได้มั่นคงในครอบครัว แล้วคุณก็ควรรู้สึกว่า คุณโชคดีแล้ว ดีกว่าคนอีกหลายล้าน หรือนับพันล้านคน ที่ไม่มีงานทำ ไม่มีบ้านอยู่ คนที่บ้านถูกยึด หรือสภาวะการทำมาหากิน ถูกทำลาย เราต้องรู้สึกขอบคุณ อยู่เสมอ ขอบคุณนะฉันชอบคนแบบนั้น คนที่เห็นคุณค่า ในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ นั่นคือตัวอย่างที่ดี ฉันจะบอกคุณ ถึงตัวอย่างที่ดีอีกอันหนึ่ง คุณอยากฟังไหม? (อยากค่ะ/ครับ) มีครอบครัวหนึ่ง เป็นครอบครัวของ พี่น้องประทับจิตของพวกคุณ เขาอยู่ไกลจากที่นี่ ในประเทศที่ ไม่มีเพื่อนประทับจิตอยู่เลย ตอนนี้พวกเขา มีเพิ่มอีกหน่อย เช่น 12-13 คน เมื่อก่อนนี้พวกเขาไม่มีใคร แล้วตอนที่ เรามีโทรทัศน์ พวกเขาก็ไม่ใช่คนร่ำรวย หรืออะไร แต่พวกเขาหาวิธี ออกอากาศ ของโทรทัศน์สุพรีมมาสเตอร์ ไปทั่วประเทศของพวกเขา แค่ครอบครัวเดียว สี่คน ไม่มีใครบอกให้พวกเขาทำ พวกเขาทำกันเอง แล้วหลังจากที่เราไม่มี โทรทัศน์สุพรีมมาสเตอร์อีกแล้ว เพราะว่า ฉันต้องการให้รวมความสนใจ อยู่ที่การช่วยโลกก่อน เข้าใจไหม? ถ้าไม่มีโลกใบนี้ ก็ไม่มีโทรทัศน์ โอ เราบอกทุกๆ คน ให้พยายามทำเรื่องนี้ และเป็นวีแก้น รักษ์สิ่งแวดล้อม สร้างสันติภาพ แต่พวกเขาช้าเกินไป! ฉันต้องรีบกลับไปบ้าน และเอาบางสิ่งบางอย่างเอาล่ะ และหลังจากนั้น พวกเขากลับใจ พวกเขาเปลี่ยน แน่นอน ไม่มีโทรทัศน์ให้ทำอีกแล้ว พวกเขา จึงเปิดร้านอาหารเลิฟวิ่งฮัท สี่คน และในประเทศนั้น ก็ไม่มีอาหารวีแก้น ไม่มีเลย นอกจากถั่วและข้าว คุณก็รู้ บางประเทศ ไม่มีอะไรเลย ฉันสงสัยว่าพวกเขาจะ ซื้อซอสถั่วเหลืองได้หรือเปล่า ตอนที่ฉันไปประเทศต่างๆ ในแถบอเมริกากลาง พวกเขาไม่รู้จัก ว่าซอสแม็กกี้คืออะไร ไม่รู้อะไรเลย เกี่ยวกับมัน เต้าหู้ - “อะไรนะ?” อีกด้วย ดังนั้น ครอบครัวนี้ ทำเต้าหู้ขึ้นมาเอง (ว้าว!) ทำเนื้อกลูเต็น ขึ้นมาเอง ทำอะไรต่างๆ ด้วยตัวเอง นมถั่วเหลือง อะไรก็ตาม พวกเขาต้องทำเอง ทั้งหมด แถมประเทศนั้น ผู้คนก็ ไม่เข้าใจใน อาหารมังสวิรัติอีกด้วย พวกเขาทำทุกสิ่งทุกอย่าง ด้วยตัวเอง คนแค่สี่คน ไม่เคยทำอาหารมาก่อน แต่ก็พยายาม เรียนรู้และลงมือทำอาหารและแล้ว มีอะไรอีกที่ยิ่งน่าประทับใจ พวกเขาตื่นนอน ตี 4 ทุกเช้า เพื่อนั่งสมาธิทุกวัน แม้ว่ามีงานยุ่งทั้งหมดนี้ รู้ไหม ร้านอาหาร เป็นงานที่ยุ่งมาก ตื่นนอนแต่เช้า เข้านอนดึก และบางครั้งลูกค้า ไม่อยากกลับ นั่งอยู่ตรงนั้น ดื่มกาแฟอยู่นั่นแหละ เอสเปรสโซ่หนึ่งแก้วหนึ่งชั่วโมง และพูด พูด พูด ยังต้องตื่นแต่เช้า ทุกวันตอนตี 4 ตื่นมานั่งสมาธินั่นคือที่ฉันเรียกว่าอุทิศตน นั่นคือที่ฉันเรียกว่า ผู้บำเพ็ญที่จริงใจ ดังนั้นถ้าคุณ ไม่ได้ทำอะไรนั่นเลย ก็อย่ามาบ่นกับฉัน และไม่ต้องสวดขออะไร ควรตรวจสอบตัวเองก่อน ว่าคุณทำงานของคุณหรือเปล่า ก่อนที่คุณจะเฝ้าแต่ขอให้ฉัน ทำหน้าที่ของฉันตลอดเวลา ซึ่งไม่ใช่งานของฉันด้วยซ้ำ เราถามคุณแล้ว เราตกลงกันแล้ว เรามาประทับจิตเพื่อพระเจ้า ใช่ไหม? เพื่อกลับบ้าน ใช่ไหม? เพื่อรู้จักตัวตนที่ยิ่งใหญ่ของเรา และเพื่อบรรพบุรุษหลุดพ้น ถึง 5 หรือ 6 หรือ 7 ชั่วโคตร นั่นคือที่ฉันสัญญา และนั่นคือที่ฉันทำ ฉันทำทุกอย่างที่ฉัน ได้สัญญากับคุณและแน่นอน ช่วยเหลือเธอด้วย แน่นอน เมื่อเธออยู่ใน ภาวะฉุกเฉินหรือ เมื่อเธออยู่ในอุบัติเหตุ เธอล้วนรู้อยู่แล้ว ถ้าเธอไม่ประสบกับมัน ด้วยตัวเอง พี่น้อง ที่ประทับจิตได้บอกเธอ เรื่องราวอย่างนั้นมากมาย ไม่ใช่ว่าฉันละเลยเธอ หรือแค่การบำเพ็ญ ทางจิตวิญญาณและไม่ทำอะไร อื่นอีกเลยเพื่อเธอ เป็นจริงหรือ? เธอรู้ใช่ไหม? (ค่ะ) เธอรู้หรือไม่ว่าเธอ อาจมีอุบัติเหตุ ก่อนที่เธอขับรถของเธอ ออกไป? ไม่ เธอไม่รู้ใช่ไหม? ดังนั้นเธอไม่สวดภาวนาถึง อาจารย์ให้ช่วยด้วยซ้ำ แต่อาจารย์ยังคง อยู่ที่นั่นเพื่อเธอ ดังนั้นประโยชน์อะไร สำหรับทั้งหมดนี้ บลา บลา บลา ข้างในหรือข้างนอก? และสร้างปัญหาสองเดือนมานี้ หรือหลายสัปดาห์นี้ ฉันแค่ต้องการอยู่เพื่อเธอ ทางด้านจิตวิญญาณเท่านั้น อย่างบริสุทธิ์เพื่อที่ว่าเธอ สามารถได้รับผลประโยชน์ สูงที่สุด นั่นคือสิ่งที่ฉันหมายถึง โอเคไหม? ดังนั้นศีลห้าข้อ ไม่ได้หมายถึงแค่ เงินหรือทรัพย์สินเท่านั้น ทางจิตวิญญาณด้วยเช่นกัน โอเคไหม? เธอทุกคนมีสิ่งที่จำเป็น สำหรับเธอแล้ว และมักจะภาวนาอยู่ เสมอถ้าเธอต้องภาวนาแค่พูด “พระเจ้าโปรดทรงทำอะไรก็ตาม ที่ดีเพื่อตัวฉันหรือครอบครัว ของฉันในชาตินี้ ช่วยฉันให้บำเพ็ญ” นั่นคือทั้งหมดที่เธออธิษฐาน และทุกวันเธอขอบคุณ พระเจ้าสำหรับวันที่ดี วันที่ดีหรือเลว เพราะวันที่ไม่ดี ก็เป็นวันที่ดีด้วยเช่นกันบางครั้งเธอคิดว่า สามีของเธอจากเธอไป “โอ แย่จัง! พระเจ้าประเภทไหนกันนี่! ท่านไม่ช่วยฉัน ให้รักษาการแต่งงานของฉันไว้” ไม่! บางทีเขาอาจจะไม่ดี สำหรับเธออีกต่อไป เขาควรไป เพื่อที่เธอเป็นอิสระ บางทีเธอจะพบกับ ผู้ชายที่ดีกว่าในไม่ช้า ใครจะรู้? ดังนั้น อย่าเพียงยึดติดกับสิ่งต่าง ๆ เมื่อเวลาหมด ควรปล่อยวางทุกอย่าง แค่อธิษฐานว่า “ได้โปรด อะไรก็ตามที่ดีสำหรับฉัน ทรงปล่อยให้มันเกิดขึ้น” แล้วสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นจริง ๆถึงแม้ว่าเธอมีความเจ็บปวด นิดหน่อยที่นี่และที่นั่น มันเป็นเรื่องดีสำหรับเธอด้วย ทำไมหรือ? เพราะเธอไม่นั่งสมาธิ เพียงพอนะสิ! เธอต้องชดใช้ กรรมเลว (ผลกรรมสนอง) วิธีนั้น แล้วมันดีสำหรับเธอ หรือเธอเลือกจะเป็นคนดี ดีหมด แล้วไม่นั่งสมาธิเลย แล้วก็แค่ไปยังระดับชั้นอสุรกาย เมื่อเธอตายหรือ? เธอชอบแบบนั้นดีกว่าหรือ? ไม่ค่ะ/ ครับ ดังนั้นจงยอมรับทุกอย่าง ตกลงไหม?อธิษฐานว่าเธอมี ความเข้มแข็งที่จะทนกับมันได้ อธิษฐานว่าขอให้พระเจ้า สวรรค์ ทรงจัดการอะไรก็ตาม ที่ดีสำหรับเธอ เธอจะยอมรับมัน แน่นอน นั่นไม่ได้หมายความว่า เมื่อเธอมีความเจ็บปวด เธอไม่ไปโรงพยาบาล หรือไปหาแพทย์ จงทำอะไรก็ตาม โอเคไหม? จงทำอะไรก็ตามที่จำเป็น แต่อย่านำปัญหาของเธอ มายังที่นั่งสมาธิของเรา แม้แต่ในที่นั่งสมาธิกลุ่ม ของเธอที่บ้าน รักษามันให้สะอาดและบริสุทธิ์ เพื่อที่ว่าเมื่อทุกคนมา พวกเขาก็จะอาบ อยู่ในพรนี้ ไม่แปดเปื้อนด้วยความต้องการ หรือปัญหาทางโลกและอย่าผลักมันมาให้ฉัน เสมอ ถ้าเธอต้องสอบ จงศึกษาอย่างดี ถ้าเธอต้องการให้ลูกของเธอ ให้รักเธอ จงเป็นพ่อแม่ที่รักใคร่ที่ดี เข้าอกเข้าใจ เป็นเพื่อน ไม่ใช่ผู้บงการบังคับ ที่บ้าน โอ ฉันรู้ ง่ายเหลือเกินที่จะบังคับ เพราะว่าเธอมี อำนาจทั้งหมด พวกเขามักจะต้อง ขอร้องเธอสำหรับทุกอย่าง พวกเขามักจะต้องพึ่งพา เธอสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง เงินติดกระเป๋าเล็กน้อย อาหารเล็กน้อย จักรยานคันเล็ก คิดถึงพวกเขา ถ้าคุณเป็นเขา พวกเขาพึ่งพาคุณโดยสิ้นเชิง มันน่าท้อแท้มาก สำหรับพวกเขา โดยเฉพาะ พวกเขากำลังเติบโต พวกเขาเป็นคนสำคัญ ต่อหน้าเพื่อนของพวกเขา ที่บ้านพวกเขาเป็น เหมือนพวกอ่อนแอ ต้องขอเพื่อทุกสิ่งทุกอย่างเสมอ และแน่นอน เธอรู้สึกถึงอำนาจ “ไม่นะ จอห์น ไม่ใช่วันนี้ ไม่ใช่ตอนนี้” “ไม่ ฉันจะคิดดู” “ออกไป” “ทำนี่ ทำนั่น ไม่อย่างงั้น!” เธอรู้ว่าฉันหมายถึงอะไรไหม?จงเป็นพ่อแม่ที่ดี รักใคร่ มีเหตุผล ฉันไม่ได้หมายถึง ทำให้ลูกของเธอเสียคน แต่ว่าให้มีเหตุผล คิดถึงว่าเธอจะทำอย่างไรถ้า เธอเป็นพวกเขา อย่าทำให้พวกเขาเสียคน และอย่าซื้อของที่ไม่จำเป็น ให้พวกเขา แต่อย่าบังคับพวกเขา ให้มากเกินไป แล้วพวกเขาก็จะรักเธอ และพวกเขาจะอยู่ และถ้าเธอทำทั้งหมดนั้นแล้ว และพวกเขายังไป งั้นก็โอเค กรรม (ผลกรรมสนอง) เสร็จ นั่นหมายถึง ระหว่างเธอทั้งสอง ไม่มีการเชื่อมโยงทางกรรม อีกต่อไปแล้วตอนนี้ อย่าขอร้องฉัน ให้ไปจับเขา ฉันไม่ใช่ตำรวจ และฉันไม่มีเจตนา ที่จะบังคับลูกชายของเธอ ลูกสาวของเธอ มันเป็นงานของเธอ โอเคไหม? มันเป็นงานของเธอ ที่จะเลี้ยงดูให้เขาเติบโต ให้เป็นเพื่อนกับพวกเขา เพื่อที่พวกเขาไว้ใจเธอ และพวกเขารู้สึกสบาย ที่บ้าน เพื่อที่ว่าพวกเขาไม่วิ่งหนีเด็กทุกคนที่วิ่งหนีไป มีเหตุผลบางอย่าง ข้อแรก บางที ที่บ้านไม่สบาย ข้อสอง อิทธิพลเลวข้างนอก ดังนั้นตรวจสอบว่าคืออะไร และพยายามที่จะช่วยเหลือเด็ก โอเคไหม? อย่าโทษพวกเขา มากเกินไป อย่ารุนแรงกับเขา เกินไป อย่าบังคับพวกเขา เกินไปนัก แล้วแน่นอน พวกเขาวิ่งหนีไป ข้างนอกพวกเขาไม่สามารถ เข้ากับเพื่อน ๆ และ มีความกดดันจากพวกเขา แล้วที่บ้าน พวกเขาไม่มีความเข้าใจ จากพ่อแม่ และแน่นอน พวกเขาวิ่งหนีไป พวกเขาไม่มีที่จะไป พวกเขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรโรงเรียนบางครั้ง ก็เป็นปัญหาสำหรับเด็ก ๆ เธอต้องอยู่กับเขาเสมอ ถามพวกเขา ให้พวกเขาไว้ใจเธอ เพื่อที่พวกเขาสามารถ บอกกับเธอได้ทุกอย่าง เพราะว่าบางครั้ง ที่โรงเรียน เด็ก ๆ ก็ถูกรังแก แต่ว่าพวกเขาไม่กล้า บอกกับพ่อแม่หรือพวกเขา ไม่กล้าบอกกับครู เพราะว่าพวกเขาโดนข่มขู่ หรือบางอย่าง หรือพวกเขาไม่ไว้ใจ พ่อแม่ที่บ้าน เพราะว่าพ่อแม่ ไม่เข้าใจและมักจะ กดดันพวกเขาอยู่เสมอ และทำให้พวกเขาทำสิ่งต่าง ๆ บังคับพวกเขา แทนที่จะพยายามที่จะเข้าใจ ว่าพวกเขามีปัญหาอะไร การเติบโตเป็นปัญหาใหญ่ แล้วสำหรับเด็กคนไหนก็ได้ ความเดือดดาลทางฮอร์โมน การแข่งขันในเด็ก และการรังแกจากเพื่อน และสิ่งต่าง ๆ ทุกประเภทที่ กำลังกดดันวัยรุ่น และถ้าเธอกดทันพวกเขา ด้วยแล้วละก็ เธอก็จะสูญเสียพวกเขาไปแน่จงเป็นพ่อแม่ที่ดี อะไรก็ตามเป็นเรื่องระหว่างเธอ กรรมดี กรรมเลว จงพยายามที่จะยอมรับมันและ เป็นพ่อแม่ที่ดีเพื่อที่ว่า เธอสามารถช่วยชีวิตอื่น ให้เป็นคนดี ถึงแม้ว่าคนนั้น เธอรู้สึกว่า “เขาเป็น อาจไม่ใช่เพื่อของฉัน ในชาติก่อน” แต่ยังคงอยู่ด้วยกันตอนนี้ เธอต้องมีเพื่อน ดูแลพวกเขา ตกลงไหม? อย่าเอาแต่อธิษฐาน “อาจารย์ โปรดทำให้ลูก ของฉันเป็นลูกชายที่ดี ลูกสาวที่ดี” ฉันจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร? ถ้าเธอเอาแต่ กดดันเขาแล้ว เขาจะทำสิ่งที่เขาทำคุณไม่ใช่แค่ดี คุณจะต้องดีต่อ ลูกๆของคุณด้วย ลูกๆของคุณ เพื่อนของคุณ หรือใครก็ตามที่ขึ้นอยู่กับคุณ และเพื่อนบ้าน โอเค?