ค้นหา
ไทย
  • English
  • 正體中文
  • 简体中文
  • Deutsch
  • Español
  • Français
  • Magyar
  • 日本語
  • 한국어
  • Монгол хэл
  • Âu Lạc
  • български
  • Bahasa Melayu
  • فارسی
  • Português
  • Română
  • Bahasa Indonesia
  • ไทย
  • العربية
  • Čeština
  • ਪੰਜਾਬੀ
  • Русский
  • తెలుగు లిపి
  • हिन्दी
  • Polski
  • Italiano
  • Wikang Tagalog
  • Українська Мова
  • อื่น ๆ
  • English
  • 正體中文
  • 简体中文
  • Deutsch
  • Español
  • Français
  • Magyar
  • 日本語
  • 한국어
  • Монгол хэл
  • Âu Lạc
  • български
  • Bahasa Melayu
  • فارسی
  • Português
  • Română
  • Bahasa Indonesia
  • ไทย
  • العربية
  • Čeština
  • ਪੰਜਾਬੀ
  • Русский
  • తెలుగు లిపి
  • हिन्दी
  • Polski
  • Italiano
  • Wikang Tagalog
  • Українська Мова
  • อื่น ๆ
ชื่อ
การถอดเสียง
ต่อไป
 

จักรวาลทั้งปวงอนุมัติแล้ว และพระเจ้าประทานพลัง แก่พระพุทธเจ้า เพื่อช่วยจิตวิญญาณนับไม่ถ้วน พระพุทธเจ้า อาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ได้เป็นเพียงตำแหน่งเท่านั้น! ตอนที่ 3 จาก 10 ตอน

รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
การเป็นพระพุทธเจ้าใน โลกนี้เป็นเรื่องยากมาก ไม่ใช่ว่าพระพุทธเจ้ายัง ไม่เป็นพุทธะ แต่เพียงว่า พระองค์ต้องเสด็จลงมา สร้างสัมพันธภาพกับสรรพสัตว์ อื่น ๆ เพื่อกลับมาเป็น พระพุทธเจ้า แล้วเมื่อพระองค์ มีฤทธิ์เพียงพอ พระองค์ก็ จะสามารถปลดปล่อยพวกเขาได้ นั่นเป็นเหตุผล นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม อาจารย์บางคนกลับไปกลับมา – จากนิพพานกลับมายังโลก แล้วกลับไปสู่พระนิพพาน อีกครั้ง ทุกข์มาก ทุกข์มาก ทุกข์มากนับไม่ถ้วน แต่ไม่มีใครมองเห็น...ไม่มาก อะไรก็ตามที่คุณเห็น ถ้าคุณคิดว่าเห็น อาจารย์หรือพระพุทธเจ้าทนทุกข์ นั่นเป็นเพียง ยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น คุณไม่สามารถมองเห็นอะไร ได้มากนัก เพราะสิ่งต่าง ๆ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นภายใน ในอาณาจักรแห่งจิตวิญญาณ และภายนอกเพียงเล็กน้อยมากเท่านั้น เราไม่ได้ยินเรื่องราวทุกข์ ของพระพุทธเจ้ามากนัก เราได้ยินเพียงบางส่วนเท่านั้น เช่น พระองค์ต้องฉันอาหารม้า เป็นเวลาสามเดือน เพราะกรรมของสาวก และ พระองค์ต้องเสียนิ้วเท้า ครั้งหนึ่งเพราะเทวทัตซึ่ง เป็นอดีตสาวกของพระองค์

โอ้ ไม่มีอะไรที่คุณ สามารถจินตนาการได้ว่าจะ ไม่เกิดขึ้นกับอาจารย์ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมใน สมัยก่อน อาจารย์บางคนไม่ ยอมรับลูกศิษย์จำนวนมาก เพราะพวกเขากังวลเกี่ยวกับ ความไม่ซื่อสัตย์ประเภทนี้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อพวกเขา แม้แต่พระสังฆราชองค์ที่หกฮุยเหนิง เมื่อท่านรับเจียชา (จีวรพระ) และบาตร จากอาจารย์ท่าน ท่านต้องหนีเพราะ ลูกศิษย์คนอื่น ๆ ของอาจารย์เดียวกัน พระสังฆปริณายกองค์ที่ห้า วิ่งตามท่านไปด้วยและต้องการ จะฆ่าท่านเพื่อเอาเจียชา ซึ่งเป็นจีวรของพระภิกษุ ที่เป็นสัญลักษณ์ของ ผู้สืบทอดกลับคืนมา ด้วยเหตุนี้พระสังฆปริณายก องค์ที่ห้า จึงบอกกับ พระสังฆปริณายกองค์ที่หก ฮุ่ยเหนิง ว่า หลังจากนี้ “ท่านอย่าส่งต่อเสื้อคลุม และบาตรของผู้สืบทอด – สัญลักษณ์ของการสืบทอด – ให้กับผู้อื่นอีกต่อไป เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องมีสงคราม แบบนี้ในอาศรมเดียวกัน ในระบบอาจารย์ เดียวกันด้วย ที่สามารถฆ่าคนได้”

เจียชา - เสื้อคลุม ชั้นนอกของพระภิกษุซึ่ง เป็นสัญลักษณ์ของการสืบทอด - ก่อนหน้านั้นเป็น สัญลักษณ์ของเส้นทาง อันศักดิ์สิทธิ์สู่การรู้แจ้ง ความเมตตา ความเมตตา ความสงบ และภาษาที่สวยงาม ทั้งหมดที่คุณสามารถพบได้ แต่ถึงอย่างนั้น แทนที่จะเคารพและเชื่อฟัง คำสั่งของอาจารย์ ไม่เลย พวกเขาต้องการวิ่งตาม ฮุยเหนิงและฆ่าท่าน พวกเขาเป็นพระสงฆ์แบบไหน? คุณจินตนาการได้ไหม? ดังนั้น ในทุกระบบ ทุกชาติ เรามีสงคราม ประเภทนี้ในหมู่ผู้ที่มี ความเชื่อทางศาสนาเดียวกัน แม้แต่คริสตจักรเดียวกัน วัดเดียวกัน หรือกลุ่มเดียวกัน หรือประเทศเดียวกันด้วยซ้ำ - ไม่สำคัญ ย่อมมีสงครามเช่นนั้นอยู่เสมอ แต่ไม่ใช่เสื้อคลุมที่จะ ทำให้ใครเป็นผู้สืบทอด เพราะหากอาจารย์ ไม่อวยพรพวกเขา ใครก็ตามที่สวมเสื้อคลุม สืบทอดนั้น พวกเขาจะไม่มีวันเป็นอะไรเลย

เช่นเดียวกับเทวทัต - มีคนติดตามอยู่สองสามร้อยคน อาจจะสองร้อยคน โดยประมาณ บางทีคนเหล่านี้ไม่เคยได้ยิน เรื่องพระพุทธเจ้าเลยด้วยซ้ำ จึงไม่ปฏิบัติตาม พระพุทธเจ้า หรือบางทีก็หนามาก จนไม่เข้าใจว่า พระพุทธเจ้าสอนอะไร และพวกเขาเพียงแต่ ตัดสินพระองค์จากภายนอก พระองค์ทรงดูเหมือน เทวทัตนุ่งห่มจีวร และมีหลักการสำหรับ พระภิกษุที่เข้มงวด น้อยกว่าเทวทัต เทวทัตพยายามทุก วิถีทางเพื่อชัยชนะ เพื่อให้การบำเพ็ญตบะ แพร่หลายมากขึ้นภายใน หมู่คนจึงคิดว่า "โอ้ บุรุษผู้นี้บริสุทธิ์กว่า เข้มงวดกว่า เพราะพระพุทธเจ้ายังทรง ห่วงใยเรื่องนี้อยู่"

พระพุทธเจ้าไม่สนอะไร! พระองค์จะทรงสนใจสิ่งใด ไปทำไมในเมื่อพระองค์ละทิ้ง ความร่ำรวย ความหรูหรา และอาณาจักรในอนาคตไปแล้ว พระพุทธเจ้ายังต้องการ สิ่งนั้นอยู่เพื่ออะไร? แม้ว่าพระองค์จะทำ พระองค์ก็ สามารถกลับไปสู่อาณาจักรของพระองค์ ได้ และพระบิดาของพระองค์ก็จะ มอบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับพระองค์ แต่ไม่เลย พระองค์ไปเยี่ยม พระบิดาของเขาเพียงบางครั้ง เพื่อสอนบางสิ่งแก่ท่าน และ เมื่อพระบิดาของพระองค์สิ้นพระชนม์ พระองค์ก็ต้อง ทำหน้าที่กตัญญูของบุตรชาย พระองค์ทรงถ่อมตนเพียงใด แต่แล้วพวกเขาก็มองออก ไปข้างนอกเท่านั้นเพราะ ข้างในพวกเขาไม่มีประสบการณ์ ศักดิ์สิทธิ์เลย นั่นเป็นเหตุผล ไม่ใช่ว่าทุกคนที่ ไปหาครูคนเดียวกัน จะได้ความรู้แจ้ง และความสำเร็จใน ระดับเดียวกัน ไม่ ไม่ บางคนยังอยู่ ในระดับปีศาจ เพราะ นั่นคือสาเหตุที่พวกเขา มาที่นี่ - เพียง เพื่อสร้างปัญหาให้ กับครูบาอาจารย์ เช่นเดียวกับเทวทัตหรือยูดาห์ใน ศาสนาคริสต์ภายใต้พระเยซูเจ้า

เหตุที่พระดี ๆ บาทหลวงดี ๆ พระผู้ศักดิ์สิทธิ์ หรืออาจารย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งถูกดูหมิ่น ถูกให้ร้าย ยิ่งถูกเกลียดชัง ยิ่งมีอันตรายมากขึ้น ก็เพราะพระเลว บาทหลวงเลว ๆ ล้วนกังวลว่า อาจารย์ท่านนี้จะเอาผู้ติดตาม ของพวกเขาไป แล้วพวกเขาจะไม่มีอะไรกิน และไม่มีใครมาถวาย เครื่องบูชาแก่พวกเขา พวกเขาไม่ควรกังวล ในโลกนี้ ย่อมมีคนโง่ ที่ตามพระเลว ๆ แม่ชีเลว ๆ อยู่เสมอ หรือเพราะพระและแม่ชีหรือ นักบวชเหล่านี้เป็นปีศาจกลับมาเกิด ผู้คนที่เป็นปีศาจเช่นกัน หรือโง่เขลา ก็จะติดตามพวกเขาอยู่ดี

ตัดตอนมาจาก “ข่าวสะเทือนขวัญ” จริงเหรอ?!? (หือ อาจารย์?!?) คนอึรดหัว อึรดหัว อึรดหัวของศาสนาพุทธ อึรดหัว ของพระภิกษุและแม่ชี อึรดการปฏิบัติ และศึกษาพระพุทธศาสนา

จะต้องมีของให้ พระภิกษุหรือนักบวชเพื่อ ความอยู่รอดอยู่เสมอ เพียงแต่คุณไม่ควรขอ สิ่งพิเศษหรือความร่ำรวย หรือความหรูหรามากขึ้น แล้วคุณจะรอดตลอดไป คุณไม่ควรกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น มีพระภิกษุและแม่ชี กี่คนที่อาศัยอยู่ในป่า ในภูเขาใหญ่? และพวกเขา ก็ฝึกฝนทั้งกลางวันและกลางคืน พวกเขายังโอเคอยู่! นอกจากนี้ ไม่เพียงเท่านั้น พระภิกษุ นักบวช และคนปกติอื่น ๆ ที่ชั่วร้ายก็ อาจถูกปีศาจครอบงำด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถ รู้ความจริงได้อีกต่อไป ดังนั้นพวกเขาจึงมักจะ ยั่วยุคนอื่นให้ทะเลาะกัน พวกเขาชอบมัน พวกเขามีความก้าวร้าวอยู่ ในตัวจากอิทธิพลของ ปีศาจหรืออุปนิสัยของ พวกเขาเองเป็นเช่นนั้น และคนอื่น ๆ อาจจะเงียบกว่า แต่พวกเขาไม่ชอบพระที่มีชื่อเสียง พระหรืออาจารย์ ศักดิ์สิทธิ์ เพราะ พวกท่านทำให้พวกเขารู้สึกด้อยกว่า

ไม่ใช่ว่าอาจารย์ ไปต่อสู้กับพวกเขา หรือทำอะไรกับพวกเขา พวกท่านไม่รู้จักพวกเขาด้วยซ้ำ แต่พวกเขาเพียงแต่ใส่ร้ายห่าง ๆ หรือลับหลัง หรืออะไรก็ตาม และแค่เผยแพร่สิ่งเลวร้าย เกี่ยวกับพวกท่านออกไป เพราะพวกเขารู้สึกต่ำต้อย พวกเขารู้สึกด้อยกว่า พวกเขารู้สึกกังวลว่า อาจารย์หรือพระดี ๆ เหล่านี้ จะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พวกเขาเองนั้นเลว พวกเขาจึงกังวลเกี่ยวกับ พระสูงส่งเหล่านี้ และนั่นคือสาเหตุที่พวกเขา เกลียดพวกท่าน และพวกเขา ทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดพวกท่าน หรือทำให้พวกท่านด่างพร้อย และสร้างความสับสนให้กับผู้ศรัทธา ที่ต้องการแสวงหาอาจารย์ที่แท้จริง เพื่อการรู้แจ้ง และการหลุดพ้น นั่นคือสิ่งที่เป็น

ดังนั้น การมีชื่อเสียง ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้รับประกันว่า คุณจะสบายกว่าอาจารย์จอมปลอม หรือพระและแม่ชีที่ไม่ดี หรืออะไรก็ตาม เป็นเพียงสิ่งที่คุณสามารถทำได้ เพื่อช่วยให้ผู้อื่นยกระดับ ตนเองและได้รับการปลดปล่อยโดย พระคุณของพระเจ้า และกลับบ้าน สู่อาณาจักรที่แท้จริง ไปยัง บ้านที่แท้จริง จากนั้นคุณ ก็ทำมัน นั่นคือทั้งหมดที่

องค์พระเยซูเจ้าทรงทราบว่า พระองค์กำลังจะถูกตรึงที่กางเขน พระองค์ยังคงลงไปสู่ โลกที่โหดร้ายและ พยายามช่วยเหลือ คุณเห็นไหมว่านั่นคือเหตุผล ว่าทำไมคนจำนวนมากจึงได้รับ การยกระดับให้เป็นนักบุญใน ช่วงพระชนม์ชีพของพระองค์ และอิทธิพล คำสอนของพระองค์ ยังคงดำเนินต่อไปจนถึงทุกวันนี้ ผู้คนหลายพันล้านติดตามพระเยซู – ฉันหมายถึง แม้ว่าพวกเขาจะ ไม่จริงใจอย่างแท้จริง แต่พวกเขา เคารพพระองค์และติดตามพระองค์ และพวกเขารู้ว่าคำสอนของ พระองค์ถูกต้อง แม้ว่า พวกเขาจะไม่เข้มแข็ง พอที่จะปฏิบัติตามก็ตาม เช่นเดียวกับพระพุทธเจ้า แม้ว่าพระพุทธเจ้าจะ ไม่ได้อยู่ที่นี่ใน ระดับกายภาพแล้ว ผู้คนหลายพันล้านคนก็ติดตาม คำสอนของพระพุทธเจ้า อย่างน้อยพวกเขาก็พยายาม บางคนปฏิบัติตามและมี ศีลธรรม เป็นนักบุญ ด้วยซ้ำ หรืออย่างน้อยก็ เป็นพระภิกษุ แม่ชีที่ดี หรือผู้ติดตามที่ดี ดังนั้นมันไม่สำคัญ

ในโลกนี้ ทุกสิ่งล้วนอันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีชื่อเสียง และเป็นที่รักของผู้คนมากมาย จากนั้นคุณจะต้องระวัง ตลอดเวลา ถึงอย่างนั้นคุณก็ไม่มีทางรู้ ได้เลยว่าคุณปลอดภัยหรือไม่ มันเป็นเพียงธรรมชาติของ มนุษย์ที่พวกเขาอิจฉา และเมื่อพวกเขารู้สึกว่า พวกเขาถูกขู่ว่าจะ สูญเสียชื่อเสียงหรือผลกำไร พวกเขาจะก้าวร้าวมากขึ้น และคุณอาจตกอยู่ในอันตราย

อาจารย์หลายท่านเสียชีวิต เพียงเพื่ออะไร? พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด แค่ ช่วยเหลือผู้อื่นในการทำให้สังคมเป็น สถานที่ที่สะอาดและบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น เพื่อทำให้โลกน่าอยู่ยิ่งขึ้น แต่พวกเขาก็ตายอยู่ดี แม้แต่ในมุมเล็ก ๆ ของโลก ในเอาหลัก (เวียดนาม) เมื่อไม่นานมานี้ อาจารย์สองหรือสามท่านหายตัวไป คนที่ฉันจำได้คือ อาจารย์หวิ่ญฝูโส่ และอาจารย์มินห์ดังกวาง ทั้งสองท่านเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ เสียสละตนตลอดเวลา เพียงเพื่อสั่งสอนสิ่งดี ๆ ให้ผู้คน และพยายามปฏิบัติตาม พระพุทธเจ้า ทำสิ่งใดก็ตาม ที่พุทธะควรทำ แม้ว่าผู้คนจะไม่เชื่อว่า นักบุญทั้งสองนี้เป็นนักบุญ หรือพระโพธิสัตว์ หรือพระพุทธเจ้า อย่างน้อยพวกเขาก็เห็นว่า พวกท่านไม่ได้ทำอะไรผิด พวกท่านทำแต่ความดีเท่านั้น แต่ยังคงมีบางสิ่ง รั่วไหลไปที่ไหนสักแห่ง และแอบไปที่ไหนสักแห่ง ที่ฆ่าพวกท่าน ทำให้พวกท่านหายไป ไร้ร่องรอย ไม่มีใครสามารถหาพวกท่านเจอ ไม่มีใครรู้ว่าทำไม

และเรายังจำ อาจารย์เหงียน ถั่ญ นัม ผู้ก่อตั้งนัมกุ๊กฟุต พุทธศาสนานัมกุ๊ก หรือพุทธศาสนามะพร้าวด้วย ท่านก็ถูกฆ่าตาย โดยไม่มีเหตุผล – ไม่มีเหตุผลใดเลยจริง ๆ ที่ท่านจะถูกสังหาร ท่านเพียงแต่ขอความสงบสุข แก่ประชาชนในประเทศของท่าน ท่านแค่รู้สึกทรมานที่เห็น ผู้คนต้องตายโดยไม่จำเป็น อย่างโหดร้าย และไม่จำเป็น ดังนั้น คุณจึงเห็นเหตุผล ที่อาจารย์ทั้งสาม ถูกลอบสังหารอย่างลับ ๆ หรือ อย่างในกรณีของ อาจารย์เหงียน ถั่น นัม อย่างเปิดเผย ต่อหน้าลูกศิษย์ของท่านบางคน

บทคัดสรรจาก “หลวงพ่อมะพร้าวที่เคารพ – ชีวิตอันยุ่งยากของ พระสงฆ์ผู้โดดเด่น” ชีวิตที่เสี่ยงภัยของ หลวงพ่อมะพร้าวที่เคารพ : หลวงพ่อมะพร้าว ได้มอบมะพร้าว แก่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพราะ หากคุณมองดูใกล้ ๆ คุณจะเห็น สัญลักษณ์แห่งสันติภาพอยู่บนนั้น จดหมายที่หลวงพ่อมะพร้าว ส่งถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถือเป็นคำร้อง ท่านต้องการให้ประธานาธิบดี ลินดอน บี. จอห์นสัน ให้ท่านยืมเครื่องบินขนส่ง ขนาดยักษ์ 20 ลำ เพื่อพาท่านและลูกศิษย์ของท่าน พร้อมเสบียงไปยังเขตปลอดทหาร บนเส้นขนานที่ 17 ซึ่งแบ่งเวียดนามออก เป็นสองฝ่ายในเวลานั้น ที่นั่นพวกเขาจะจัดตั้ง ศาลาสวดอธิษฐาน ไว้กลางแม่น้ำเบนไห่ ท่านจะนั่งอธิษฐาน อยู่เจ็ดวัน โดยไม่กินหรือดื่ม ณ ริมฝั่งแม่น้ำทั้งสอง มีพระ ฝั่งละ 300 รูป ร่วมสวดอธิษฐานกับท่าน ท่านให้คำมั่นกับประธานาธิบดี ลินดอน บี. จอห์นสัน ว่า แผนนี้จะนำสันติภาพ มาสู่เวียดนาม ไม่มีใครรู้ว่า จดหมายไปถึงมือ ประธานาธิบดีจอห์นสันหรือไม่ แต่ทุกคนรู้ดีว่า หลวงพ่อมะพร้าวที่เคารพ ท่านไม่เคยละทิ้ง ความฝันที่จะนำสันติภาพ มาสู่เวียดนาม

ตามรายงานของ หนังสือพิมพ์กฎหมาย หลังจากปี [1975] รัฐบาลไม่อนุญาต ให้หลวงพ่อมะพร้าวบำเพ็ญ ศาสนาของท่านอีกต่อไป ในเวลาต่อมา ท่านพยายาม หลบหนีออกนอกประเทศ แต่ถูกจับกุม จนกระทั่งปี 1985 เจ้าหน้าที่จึงอนุญาต ให้หลวงพ่อกลับบ้าน ซึ่งขณะนั้นท่านมีน้ำหนัก ไม่ถึง 40 กิโลกรัม ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1990 หลังจากที่ลูกศิษย์แอบพาท่าน ไปลี้ภัยในบ้าน ของลูกศิษย์คนหนึ่ง ในจังหวัดเตี่ยนซาง ตำรวจมาพบท่านที่นั่น ซึ่งไม่ชัดเจนว่า การเผชิญหน้าระหว่าง ทั้งสองฝ่ายเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ผู้ที่เสียชีวิต คือ หลวงพ่อมะพร้าว

หลังจากคดีฆาตกรรม ศาลประชาชนจังหวัดเบิ๊นแจ ดำเนินคดีกับเหล่าลูกศิษย์ ในข้อหาขัดขืนเจ้าหน้าที่ ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ โดยมีโทษหนัก สื่อของรัฐไม่ได้ เผยแพร่รายละเอียด ของคดีนี้ และ การเสียชีวิตของ หลวงพ่อมะพร้าว จอห์น สไตน์เบ็ก เขียนไว้ ในบันทึกความทรงจำของเขาว่า "ครั้งสุดท้ายที่ผมเห็น หลวงพ่อมะพร้าว เราไม่ได้บอกลากัน ในตอนนั้น ท่านปาดน้ำตาที่ไม่ค่อยได้เห็น แล้วท่านก็ยิ้มอีกครั้ง ท่านยกมือ ชี้ขึ้นไปยังท้องฟ้า ที่ท่านอาศัยอยู่”

ซึ่งทำให้ทุกคนหวาดกลัว ผู้ทำความดีอย่างแท้จริง หรือรักชาวโลก และพยายาม ปกป้องพวกเขาหรือช่วยให้พวกเขา หลุดพ้นทางจิตวิญญาณ ด้วยคำสอนที่แท้จริง ศักดิ์สิทธิ์ และสูงส่ง

Photo Caption: การเข้าถึงเพื่อนบ้านที่ดี ด้วยการทักทายที่สวยงาม

ดาวน์โหลดรูปภาพ   

รับชมเพิ่มเติม
ทุกตอน  (3/10)
รับชมเพิ่มเติม
วีดีโอล่าสุด
แบ่งปัน
แบ่งปันไปที่
ฝัง
เริ่มที่
ดาวน์โหลด
โทรศัพท์มือถือ
โทรศัพท์มือถือ
ไอโฟน
แอนดรอยด์
รับชมในบราวเซอร์ในโทรศัพท์มือถือ
GO
GO
Prompt
OK
แอพ
สแกนโค้ดคิวอาร์ เลือกระบบโทรศัพท์ที่ถูกต้อง เพื่อดาวโหลด
ไอโฟน
แอนดรอยด์