รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
ตอนฉันเด็กมาก ก่อนประถม ในพื้นที่เล็ก ๆ ของเรา เรามีพระภิกษุเพียงรูปเดียว แต่เขาไปวัดบ่อย ๆ และในบางเทศกาล เช่น เทศกาลวู่หลาน เขาก็ได้ทำละครด้วย เพื่อให้ผู้ศรัทธาเล่น เพื่อเตือนใจคนให้เป็นคนดี และมังสวิรัติ วีแกน ฉันยังได้พบกับนักบวชเต๋าบางคน ที่บ้านด้วย ไม่เหมือนกับการไปวัด และโกนศีรษะ หรืออะไรก็ตาม พระก็ทำ พระสงฆ์ก็ทำ แต่นักบวชเต๋าบางคนก็ ไว้ผมยาวและอาศัย อยู่ข้าง ๆ บ้านป้าของฉัน เป็นต้น พวกเขาอาจจะไม่ได้สอนอะไรฉัน เป็นการส่วนตัว ตอนนั้นฉันยังเป็นเด็ก แต่ใครจะรู้ล่ะ? พวกเขาอาจสอนฉัน บางอย่างอยู่ข้างใน จากวิญญาณ จากจิตวิญญาณ จากหัวใจ จากพลังงานของพวกเขาดังนั้นตั้งแต่ฉันยังเด็กแล้ว ฉันจึงดื่มนมไม่ได้ด้วยซ้ำ และฉันก็อาเจียน และมีปัญหากระเพาะมาก เพราะบ้านของฉันไม่ได้มี มังสวิรัติ (อาหาร) เสมอไป ฉันกินผักทุกอย่างที่ฉันพบ และฉันก็กินผลไม้ทุกชนิด ในสวนนั้น ก่อนที่มันจะสุกเต็มที่ ฉันกินมันไปแล้ว นั่นคือวิธีที่ฉันรอดชีวิต และพ่อ มักจะล้อฉันเสมอ ว่าถ้าเขาให้เงินฉัน 10 ดอลลาร์ ฉันจะออกไปซื้อกล้วย หรือข้าวโพดทั้งหมด เขาไม่เคยบอกว่า จะออกไปซื้อปลา เนื้อชาวสัตว์ หรือกุ้ง เพราะเขารู้ขอเพียงขอบคุณพระภิกษุทั้งหลาย ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต คุณอาจพบพวกเขา คุณอาจสังเกตเห็นพวกเขา หรืออาจจะไม่ แต่พวกเขาก็เป็นบางสิ่ง ที่รักษาสมดุล ในโลกนี้ กับความกังวลทางโลกและ ความทะเยอทะยาน ทางโลกที่ท่วมท้นผู้คน ฉันไม่รู้ว่า พระนั้นดีหรือไม่ดี คุณไม่รู้ข้างในของพวกเขา แม้ว่าเขาจะกินข้าววันละสามมื้อ เขามีรถขับไปทั่ว อย่าคิดมาก สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงวัตถุ เขาทำอะไรไม่ได้มากกับมัน เขาไม่สามารถทำร้ายใครด้วยมันได้ เขาไม่ได้ขโมยอะไรเลย เขาขอบริจาค พระพุทธเจ้ายังตรัสอีกว่า “การบริจาคเพื่อวัด เพื่อพระภิกษุ ย่อมเป็นผลดีต่อคุณ” ดังนั้น เขา (พระภิกษุ) ไม่ได้พูดอะไรผิด ยกตัวอย่าง เช่นนั้นแล้วฉันบอกคุณว่าฉันบริจาคให้พระ ฉันยังคงทำอยู่ – เพื่อสร้างกระท่อม สำหรับพระในอินเดีย แล้วหลังจากนั้นฉันก็ให้เงินเพิ่ม เพื่อให้พวกเขาซื้ออาหาร (วีแกน) ผ้าห่มและ สิ่งของต่าง ๆ ได้มากขึ้น ไม่ใช่แค่เงินเริ่มแรก เพื่อสร้างกระท่อมเท่านั้น ดังนั้นไม่ว่าฉันจะบอกคุณอย่างไร ฉันก็ทำเอง ไม่ใช่ว่าฉันกำลังพยายาม ฝึกให้คุณทำสิ่งต่าง ๆ แต่ตัวฉันเองกลับทำตรงกันข้าม คุณไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น ฉันแค่พูด แต่คุณไม่จำเป็นต้องทำอะไร ถ้าคุณไม่ต้องการ ทางเลือกของคุณ ชีวิตของคุณ ที่จะเลือกว่าจะดีหรือไม่ดี คุณมีพระเจ้าอยู่ในตัวคุณ - ธรรมชาติแห่งพุทธะหรือ ธรรมชาติของพระเจ้าอยู่ในตัวคุณ นั่นคืออันหนึ่งอันเดียวกัน และถ้าคุณเลือกที่จะเป็น เหมือนพระเจ้าอีกครั้งหรือ เหมือนพระพุทธเจ้าอีกครั้ง คุณก็ทำเช่นนั้น มันดีต่อคุณ ดีต่อโลก ดีต่อดาวเคราะห์โลกของเราตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง ในขณะนี้ มันอาจจะพังทลายลงได้ทุกเมื่อ ฉันกำลังบอกคุณตอนนี้ เพราะฉันไม่แน่ใจว่า ฉันจะอยู่ต่อไปได้หรือไม่เช่นกัน ฉันยังไม่แข็งแรงพอที่จะทำงาน เพราะภายใน ฉันยังไม่ดีพอ ฉันจึงต้องพักฟื้น เพียงเพราะว่าพวกคุณหลายคน กังวลมาก ฉันจึงเล่าให้คุณฟังสัก สองสามอย่างเพื่อเตือนคุณ ทุกครั้งที่ฉันทำได้ ฉันไม่แข็งแรงพอที่จะทำงาน เต็มที่ให้สุพรีมมาสเตอร์ทีวี ยกตัวอย่างตอนนี้ พระภิกษุ ตามที่ฉันได้บอกคุณ ไปแล้ว พวกเขาก็เป็นคนเช่นกัน พวกเขาอาจจะยังไม่อยู่ ในระดับเดียวกัน [กับพระพุทธเจ้า] แต่พวกเขาก็พยายามอยู่ พวกเขามีเป้าหมายที่จะไปที่นั่น นั่นเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน พลังงานแห่งความปรารถนานี้ ของความอยากเป็นพุทธะอีกครั้ง – เป็นหนึ่งเดียวกับต้นกำเนิดอีกครั้ง เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าอีกครั้ง – นั่นเป็นพลังงานที่ดีมาก ในการสร้างสมดุลให้กับโลกของเรา ตอนนี้คุณเห็นแล้วว่า เหมือนตอนคุณเป็นเด็ก คุณเรียนแค่ เอบีซี แต่คุณอยากเรียนต่อ มหาวิทยาลัยในภายหลัง และนั่นเป็นสิ่งที่ดีมากตอนนี้เมื่อ พูดถึงพระเจ้า หลายคนคงคิดว่า ผู้นับถือศาสนาพุทธ ไม่เชื่อในพระเจ้า มันไม่เป็นความจริง เพราะตัวอย่างเช่น ในประเทศจีน สำหรับทุกสิ่งที่ไม่ดี พวกเขาจะพูดว่า "我的天啊" ("หวั่วเตอเทียนมา") ซึ่งแปลว่า "โอ้ พระเจ้า!" เหมือนกับที่คุณพูดเป็นภาษาอังกฤษ แค่สำนวนต่างกัน ภาษาต่างกัน ในอินเดีย ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน แม้แต่เด็กสาวชาวนาที่ ยากจนและไม่มีการศึกษาก็ยัง ทักทายคุณด้วยคำว่า "ราม ราม" หรือ "ฮาเร กฤษณะ" นั่นคือพระนามของพระเจ้า นั่นคือสิ่งที่พวกเขาเชื่อ พระกฤษณะเป็นหนึ่งในปรมาจารย์ ซึ่งเป็นตัวแทนของพระเจ้า และรามด้วย หรือ "พระราม" ตอนนี้มีหลายสิ่งมากเกินไป ฉันไม่คาดหวังว่าคุณจะรู้ทั้งหมดนี้ แต่ถ้าคุณต้องการคุณก็ทำได้ ทุกวันนี้มันง่ายมาก เข้าไปในอินเทอร์เน็ตของคุณ แล้วคุณจะรู้หลายเรื่อง เกี่ยวกับศาสนา หนังสือหลายเล่ม ที่พระภิกษุ และแม่ชีทุกคนไม่เคย หาได้ง่ายมาก่อน - ฉันแค่พูดถึงพุทธศาสนาฉันรู้ว่ามีคนจำนวนมาก ที่ติดตามพระพุทธเจ้า มาเป็นพระภิกษุ อยู่ข้าง ๆพระองค์ทุกวัน เพราะไม่มีทางอื่นที่ พวกเขาจะได้ยินคำสอน ของพระพุทธเจ้า เหตุนั้นพวกเขาจึงออกไป บิณฑบาตครั้งหนึ่งในตอนเช้า ฉันตอนเที่ยง แล้วช่วงบ่าย พวกเขาก็พร้อมที่จะฟัง พระพุทธเจ้า เช่นเดียวกับพระพุทธเจ้าด้วย พระองค์ฉันแบบนั้น เพื่อให้ทุกคนมีเวลาสำหรับ ความต้องการที่ยิ่งใหญ่กว่า - (คำสอน) ธรรมะที่แท้จริง ดังนั้นหากคุณคิดว่าชาวพุทธ ไม่เชื่อในพระเจ้า มันไม่จริง มันไม่จริงในทุกศาสนาล้วนกล่าวถึงพระเจ้า เมื่อมีคนถาม พระพุทธเจ้าว่า “มีพระเจ้าองค์ใดบ้าง?” พระพุทธเจ้าตรัสว่า “เราไม่อาจบอกได้ ว่ามีพระเจ้าหรือไม่มีพระเจ้า มีแต่บางสิ่ง ที่ทำให้สรรพสิ่ง เกิดขึ้น และทุกสิ่งจะ กลับคืนสู่สิ่งนั้น” แล้วถ้าไม่ใช่พระเจ้า ก็บอกฉันซิว่ามันคืออะไร? ในศาสนาอื่น พวกเขาพูดตรงกว่า พวกเขาพูดว่าพระเจ้าสร้างเรา ตามพระฉายาของพระองค์เอง นั่นคือจุดกำเนิดของเรา เราเป็นลูกของพระเจ้า และเราจะ กลับไปสู่ความเป็นพระเจ้านั้นดังนั้นอย่าเถียงกับฉัน อีกต่อไปว่า มีพระเจ้าหรือไม่มีพระเจ้า หรือการบูชาพระเจ้าไม่ใช่ศาสนาพุทธ แต่ในทุกศาสนา ส่วนใหญ่ พวกเขาติดตามอาจารย์ ที่เป็นตัวแทนของพระเจ้า ไม่ว่าศาสนาใดก็ตามที่อ้างว่า พวกเขามีพระเจ้าหรือ ธรรมะที่แท้จริงอยู่ในนั้น พวกเขาก็เคารพอาจารย์เหล่านั้น พวกเขาติดตามอาจารย์เหล่านั้น พวกเขาบูชาอาจารย์เหล่านั้น พวกเขาเชื่ออาจารย์เหล่านั้น บางคนถึงกับร้องว่า “ถ้าพระเจ้าและอาจารย์ ยืนอยู่ข้างฉัน ฉันจะกราบไหว้ใคร? ฉันควรติดตามใคร? ฉันติดตามอาจารย์ เพราะอาจารย์คือผู้ที่ สั่งสอนฉันมา ผู้ที่ช่วยฉันจากความทุกข์ ดึงฉันออกจากวัฏจักรแห่งการเกิด และการตาย”พวกเขาเน้นย้ำว่าในศาสนา ส่วนใหญ่ อย่างน้อยในอินเดีย ในอินเดียพวกเขาเคารพ อาจารย์เป็นอย่างมาก ดังนั้นพวกเขาจึงเรียกพระพุทธเจ้า ว่า "พระผู้มีพระภาคเจ้า" "มหาราชา" "คุรุ" อะไรก็ตาม นั่นเป็นเพราะ พวกเขาเห็นแต่อาจารย์เท่านั้น พวกเขาไม่เห็นพระเจ้าบ่อยนัก ไม่ใช่ทุกคนจะโชคดีมาก ที่ได้เห็นพระเจ้า ดังนั้น เมื่อพระเยซูเจ้ายังมีชีวิตอยู่ พระองค์ทรงเทศนาเรื่องพระเจ้า และบอกให้ผู้คนเชื่อ และนมัสการพระเจ้า แต่พวกเขาปฏิบัติตามคำสอน ของพระเยซูเจ้าด้วย พวกเขาติดตามพระองค์ เช่นเดียวกับ ตอนที่พระพุทธเจ้าทรงพระชนม์อยู่ พวกเขาต่างไปสรรเสริญ พระพุทธเจ้าและรักพระพุทธเจ้า เช่นเดียวกับคุรุคนอื่นๆ ในศาสนาซิกข์ หรือศาสนาอิสลาม ศาสนาฮินดู หรือศาสนาเชน พวกเขาทั้งหมดไป และสักการะอาจารย์ ซึ่งเป็นตัวแทนของศาสนาของพวกเขา ในขณะนั้น และทุกอย่างก็เป็นเช่นนั้น ดังนั้น เหล่าสาวก พวกเขามักจะสักการะ อาจารย์ที่พวกเขาเลือก ตลอดระยะเวลาของพวกเขา แต่ในใจพวกเขาทุกคน รู้ว่ามีพระเจ้าและตอนนี้ฉันกำลังบอกคุณ ว่าฉันเพียงเทศนา ศาสนาสากล เรามีพระเจ้า แล้วเราก็มีอาจารย์ ดังนั้น แม้อาจารย์คือผู้ ที่สอนเราเป็นการส่วนตัว และ นำคำสอนและพระพรมาให้เรา และช่วยเหลือเราในทางใดทางหนึ่ง แต่มีพระเจ้าอยู่ มันก็เช่นเดียวกับพ่อแม่ของคุณ พวกเขาร่ำรวยและมีอำนาจมาก แต่พวกเขาต้องทำงาน ในสาขาต่าง ๆ หรือในบ้าน พวกเขามีคนรับใช้ มีแม้กระทั่งแม่นม คอยดูแลคุณตั้งแต่เล็ก ๆ และแน่นอนว่าคุณรัก แม่นมคนนั้นเพราะ เธอใช้เวลาอยู่กับคุณมาก เธอเล่นกับคุณ เธอตามใจคุณ เธอรักคุณ และเธอทำทุกอย่างที่คุณต้องการ แต่นั่นเป็นเพราะ อำนาจของพ่อแม่คุณ เพราะบารมี ของพ่อแม่คุณ เพราะเงินเดือนของพ่อแม่คุณ ดังนั้นคุณต้องกตัญญูต่อพ่อแม่ ไม่ว่าจะอะไรก็ตามดังนั้นไม่ว่าคุณนับถือศาสนาใดก็ตาม คุณต้องจำไว้ ว่ามีพระเจ้าอยู่เบื้องหลัง เพราะก่อนที่อาจารย์จะ ลงมายังโลก ใครเป็นผู้ให้ชีวิต แก่อาจารย์ท่านนั้น? ดังนั้นอย่าลืม พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของทุกสิ่งและ การดำรงอยู่ของคุณเช่นกัน ในเอาหลัก (เวียดนาม) ตอนเราสวดมนต์ คนธรรมดา ไม่จำเป็นต้องเป็นชาวพุทธหรือ อะไรก็ตาม หรือไม่จำเป็นต้องรู้คำสอนของ พระพุทธเจ้ามากนัก เราพูดว่า "โอ พระเจ้าและพระพุทธเจ้า ขอทรงอวยพรข้าพเจ้าด้วย” หรือ "พระเจ้าและพระพุทธเจ้า ทรงรู้ว่าข้าพเจ้ากำลังทำอะไรอยู่" พวกเขากล่าวถึงพระเจ้าด้วย และคนจีนก็เช่นกัน ฉันไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับ ประเทศอื่น ๆ มากนักเพราะ ฉันพูดภาษาของพวกเขาไม่ได้ แต่ฉันแน่ใจว่า พวกเขาจะทำเช่นเดียวกันPhoto Caption: เล็กหรือใหญ่เราช่วยกัน และส่งเสริมซึ่งกันและกัน