( อาจารย์คะ ทำไมท่านถึงคิดว่าพวกเขาชนะคะ? )
หลังจากได้เห็นข่าวน่าสลด จากคาบูล อัฟกานิสถาน ที่ซึ่งชาวอัฟกัน อเมริกัน และสมาชิกของตอลิบาน จำนวนมากสูญเสียชีวิต ในวันที่ 26 สิงหาคม 2021 ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ พูดถึงความเจ็บปวดและความเศร้าใจ เต็มไปด้วยน้ำตาของท่านกับเรา พร้อมข้อความนี้ถึงผู้ก่อเหตุ
ใครก็ตามที่ทำการโจมตีเช่นนี้ ต่อเด็กไร้เดียงสา และหญิง ชายชราและ หนุ่มเช่นกัน นั้นขี้ขลาด ป่าเถื่อน ทำงานให้ปีศาจ ทำงานให้ซาตาน พวกเขาเป็นศัตรู ของศาสนาอิสลามเช่นกันเพราะ พวกเขาทำให้พลเมืองโลก คิดว่าอิสลามนั้นรุนแรง อิสลามนั้นเกี่ยวกับการฆาตกรรม พวกเขาไม่ใช่มุสลิม พวกเขาเป็นศัตรูของชาวมุสลิม แค่ออกไปที่ไหน ๆ และสุ่มฆ่าคน ตอนที่คนไม่ได้เตรียมตัว คนที่ไม่มีอาวุธเช่นนั้น พวกเขาไม่ใช่มุสลิม
พวกเขาไม่ได้ออกแถลงการณ์ใด ๆ พวกเขาไม่ได้ทำให้คน เข้าใจอะไร แค่ฆ่าคน ไม่ได้ทำให้ใคร เข้าใจคุณ คุณต้องบอกประชาชน ว่าคุณต้องการอะไร อะไรที่มันผิด กับคุณหรือกับใครก็ตาม ฉันหมายถึง คนในคาบูล ก็กำลังออกจากอัฟกานิสถาน ออกจากประเทศแล้ว พวกเขาไม่ทำอะไร ที่นั่นอีกต่อไป ข้อตกลงสันติภาพก็ลงนามไปแล้ว พวกเขาแค่ต้องการออกไป และใครที่จัดการ การโจมตีแบบนั้น คือปีศาจ! ฉันจะพูดอีกครั้ง: พวกเขาเป็นศัตรูของอิสลาม! เพราะพระศาสดาผู้มีบุญ สันติสุขจงมีแด่พระองค์ คัมภีร์อัลกุรอานไม่ได้บอกผู้คน ให้ฆ่าใครก็ได้ สุ่ม ๆ แบบนั้น เมื่อพวกเขาไม่ได้ทำอะไร ผิดต่อคุณ
คุณเป็นคนนอกรีต ไม่กระทำต่อคนบริสุทธิ์เหล่านั้น ที่สนามบิน ไม่ใช่นาวิกโยธินหรือทหารสหรัฐฯ พวกเขาแค่ทำงานของพวกเขา พวกเขาต้องทำ พวกเขาต้องปกป้อง ผู้คนที่นั่น คนที่เพียง พยายามจะออกนอกประเทศ พวกเขาไม่ได้ทำ อะไรผิดต่อใคร ดังนั้นผู้โจมตี ก็เป็นศัตรูของทุกคน ของโลก โดยเฉพาะ ศัตรูของชาวมุสลิม เพราะพวกเขาทำให้ชื่อเสียง ของชาวมุสลิมด่างพร้อย ทำให้คนคิด ว่า “มุสลิมเป็นคนไม่ดี มุสลิมคือคนที่คุณ ไม่สามารถไว้วางใจได้ คนที่เป็นนักฆ่า คนที่ขี้ขลาด ฆ่าผู้บริสุทธิ์” ทุกที่ ไม่ใช่แค่ที่สนามบินคาบูล มันไม่ใช่ครั้งแรก ไม่ใช่สนามบินคาบูลเพียงอย่างเดียว แค่แอบ แล้วก็ ฆ่าทุกคนอย่างนั้น นั่นไม่ใช่มุสลิม
คุณเป็นศัตรูของชาวมุสลิม คุณเป็นปีศาจ! คุณเป็นคนนอกรีต! หยุดทำสิ่งเหล่านี้ได้แล้ว และพยายามโน้มน้าวผู้คน ว่าคุณดี ไม่มีใครเชื่อ สิ่งใดที่คุณพูด ไม่มีใครเชื่อคุณ ไม่มีใครต้องการ นับถือศาสนาอิสลามด้วย ถ้าคุณยังทำเช่นนี้ต่อไป ผู้คนแม้แต่จะกล้า มาชุมชนมุสลิม หรือต้องการรู้จัก ชาวมุสลิมได้อย่างไร? เพื่ออะไร?! เพื่อให้พวกเขาสามารถกลายเป็นนักฆ่า ฆาตกรอย่างคุณหรือ? ไม่มีทาง
คุณทุกคนจะไปลงนรก เพราะนั่นไม่ใช่ คำสอนของศาสนาอิสลาม อิสลามหมายถึงสันติภาพ ทำแบบนี้ต่อไป เราจะไม่มีวัน มีความสงบสุขในโลก‒ เพราะพวกคุณ!! เพราะคนอย่างพวกคุณ คุณรู้ไว้ คนที่ระเบิดฆ่าตัวตายได้ตกนรก และใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลัง การโจมตีเหล่านี้หรือ การกระทำโหดร้ายคล้าย ๆ กันนี้ จะไปลงนรกที่ลึกกว่า พวกเขาทั้งหมดกำลังรอคุณอยู่ นรกที่เป็นไปได้ทั้งหมด กำลังรอคุณอยู่ ตามนั้น ฉันพูดสิ่งนี้ในพระนามของพระเจ้า ในพระนามของ พระอัลลอฮ์ผู้เป็นที่รักที่สุด และในพระนามของศาสดาผู้ยิ่งใหญ่ สันติสุขจงมีแด่พระองค์ และประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่คุณฆ่าทุกคนขึ้นสวรรค์หมด สวรรค์ที่แตกต่างกัน และคุณก็จะไปนรกต่าง ๆ
และนั่นคือความจริง เพราะไม่มีใคร ที่ทำร้ายบุตรของพระเจ้า อย่างที่คุณทำ แล้วจะได้ไปสวรรค์ คุณจะอยู่ในนรกตลอดไป เหยื่อที่เสียชีวิต ทหารอเมริกันที่เสียชีวิต พวกเขาไปสวรรค์แล้ว เพราะพวกเขามีแต่ความรัก และความเห็นอกเห็นใจ ขณะที่พวกเขาปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับรางวัลสวรรค์ คุณและคนวางระเบิด มีแต่ความแค้นอยู่ในใจคุณ และความเชื่อผิด ๆ ที่คุณจะไปสวรรค์ ไม่มีทาง! ด้วยเกียรติของฉันทั้งหมด ฉันบอกคุณ ไม่มีทางที่คุณจะไปสวรรค์ ไม่มีทางที่พวกเขาไปสวรรค์ ไม่ ไม่มีวัน!
ในนาม ของท่านศาสดามูฮัมหมัด ขอสันติสุขจงมีแด่พระองค์ตลอดไป ฉันกำลังเตือนคุณ ให้หยุดความโหดร้ายเหล่านี้ มิฉะนั้น คุณจะไม่มีวันได้ออกจากนรก คุณจะต้องทนทุกข์ทรมานหลายเท่า มากกว่าความเจ็บปวด และความเศร้าโศกที่คุณกระทำ หลายเท่า ต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ เด็กและสตรี และคนชราและทั้งหมดนั้น
หยุดทั้งหมดนั้น หยุด! หยุดมันเดี๋ยวนี้! และตลอดไป หยุดมัน! เพื่อสันติภาพ เพื่อความรักของพระเจ้า หยุดทั้งหมดนั้น!!!
ไปหางานปกติทำ เหมือนคนเหล่านี้ พวกเขาเพียงต้องการ เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา สำนึกผิดเพื่อที่พระเจ้าจะทรงให้อภัยคุณ สำนึกผิดก่อนที่มันจะสายเกินไป
ในวันก่อน วันที่ 25 สิงหาคม อาจารย์ได้แบ่งปันความคิดของท่าน เกี่ยวกับข่าว ที่ตอลิบานไม่อนุญาต ให้ชาวอัฟกัน ออกจากประเทศอีกต่อไป
ฉันคิดว่าตอลิบาน ควรปล่อยให้ชาวอัฟกัน และชาวอเมริกันออกจาก อัฟกานิสถาน เพราะถ้าคุณต้องการปกครอง คุณจะเก็บศัตรู ไว้ใกล้ ๆ ทำไม? เพียงเพื่อมีระเบิดเวลาไว้หรือ? มันไม่ฉลาดมากนัก ที่จะหยุดพวกที่เรียกว่าศัตรู จากการหนีออกจากประเทศ แค่ปล่อยพวกเขาไป ดีสำหรับพวกเขา ดีสำหรับคุณ
ก่อนหน้านี้ ในอีกการโทรศัพท์ เกี่ยวกับงาน กับสมาชิกทีม โทรทัศน์สุพรีมมาสเตอร์ วันที่ 24 ส.ค. อาจารย์กรุณาตอบ คำถามเกี่ยวกับ เด็กผู้หญิงและผู้หญิงที่อาศัย อยู่ภายในการปกครองของตอลิบาน รวมทั้งผลลัพธ์ที่แท้จริง ของสงครามในอัฟกานิสถาน
( อาจารย์คะ การบังคับเด็กแต่งงานเป็น ส่วนหนึ่งของชารีอะห์ไหมคะ? […] )
อา ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ การบังคับแต่งงานไม่ใช่ กฎหมายชารีอะห์ (โอ้) กฎหมายชารีอะห์ไม่แนะนำ ให้ชาวมุสลิมข่มขืนเด็กหญิงตัวน้อย ในสิ่งที่เรียกว่าการบังคับแต่งงาน หรือไม่ใช่การแต่งงานด้วยซ้ำ (ค่ะ) มันเหมือนในบังคลาเทศ ยกตัวอย่าง พวกเขาแค่ข่มขืน ใครก็ตามที่พวกเขาต้องการ ใหญ่หรือเล็ก เด็กหรือแก่ นั่นไม่ใช่มุสลิม พวกเขาทำให้ชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่ ของชาวมุสลิมแปดเปื้อน ทำให้คนเกรงกลัวอิสลาม กลัวชาวมุสลิม (ค่ะ อาจารย์) ชาวมุสลิมแท้จริง พวกเขาไม่ทำอย่างนั้น (ค่ะ) มันแค่เป็นการบิดเบือนกฎ ให้เข้ากับความปรารถนาของพวกเขา ความต้องการ ความโลภของพวกเขา (เข้าใจค่ะ) คำสอนของอิสลามไม่เคย บังคับใด ๆ โดยเฉพาะเด็กเล็ก อย่าง 12 ปี (ใช่ค่ะ) หรือผู้หญิงคนไหน ให้มีเพศสัมพันธ์ หรือความสัมพันธ์ หรือที่เรียกว่าการแต่งงาน อะไรก็ตาม ไม่เคย (ค่ะ) คำสอนของมุสลิม ไม่เคยรวมอะไรอย่างนั้น (ค่ะ)
เราต้อง ย้อนกลับไป ในสมัยของ ศาสดามูฮัมหมัดผู้ยิ่งใหญ่ สันติสุขจงมีแด่ท่าน มันเป็นยุคสงคราม (ใช่ค่ะ) มันไม่ใช่เพราะศาสดา หรือสาวกของพระองค์ที่ก่อสงคราม มันคือผู้มีอำนาจในเวลานั้น คุณเห็นไหม พวกเขามีกฎที่ออกไว้ และระเบียบทางศาสนา ของพวกเขาเอง และแน่นอน พวกเขาปฏิเสธอะไรก็ตาม ที่ดูไม่เหมือนพวกเขา (เข้าใจค่ะ) แต่ศาสดา กำลังสอนสัจธรรม และสัจธรรมตามที่ คัมภีร์อะไรก็ตาม ที่พวกเขามีในเวลานั้น มันเพียงแค่ เพราะท่านรู้แจ้ง แล้วพวกเขาไม่ […]
แม้ว่าสาวกของศาสดา ไม่ต้องการต่อสู้ (ค่ะ) พวกเขาจะถูกฆ่า (โอ้ ค่ะ) ดังนั้น แน่นอน ชายจำนวนมากเสียสละ และอยู่ในแนวหน้า เพื่อปกป้องครอบครัวของพวกเขา ปกป้องศาสดา และสาวกคนอื่น (ค่ะ) และชายหลายคนเสียชีวิต แน่นอน (แน่นอนค่ะ) ดังนั้นผู้ชายตาย ทิ้งแม่หม้ายไว้ และลูก ๆ (ค่ะ) ดังนั้นศาสดาจึงแนะนำ และขอร้องให้สาวกของท่าน ใครก็ตามที่ยังมีชีวิต […] “ใครก็ตามที่สามารถ ทางด้านการเงิน (ค่ะ) ให้รับแม่หม้าย และลูก ๆ ไป และดูแลพวกเขา ราวกับพวกเขาเป็นภรรยา และครอบครัวของคุณ” […] ไม่ใช่เรื่องทางเพศ! (ค่ะ) แค่ให้ดูแลเหมือนครอบครัว เหมือนญาติ ๆ […] ดังนั้น ภายหลัง พวกเขาบิดเบือนมัน และแปลมันให้เข้ากับความต้องการ ของพวกเขาและความต้องการชั้นต่ำ ของพวกเขา (เข้าใจค่ะ) มันแค่ตัณหาและความโลภ […]
คุณรู้นะว่ามันไม่ใช่กฎหมายชารีอะห์ (ค่ะ) กฎหมายชารีอะห์ ฉันเพียงพูดยกตัวอย่างบางอย่าง มันเพียงแนะนำผู้ชาย และผู้หญิงถึงวิธีการ ดำเนินชีวิตของพวกเขา […] (ค่ะ) เพี่อที่พวกเขาสามารถ มีความสงบสุขมากขึ้นในบ้าน (ค่ะ) อย่างคุณไม่เปิดเปลือยตัวคุณเอง คุณใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสม ปกปิดตัวเอง เวลาคุณคุยกับผู้ชายแปลกหน้า ถ้าเขาเข้ามาในบ้านของคุณ (ค่ะ เข้าใจค่ะ) เพื่อที่จะปลุกปั่นอะไร ให้เข้าใจผิด (ค่ะ เข้าใจค่ะ) และมันอาจส่งผล ให้เกิดอะไรไม่ดี ต่อชีวิตแต่งงานและความปรองดอง ของความสัมพันธ์ของพวกเขา ภายในบ้าน (ใช่ค่ะ) อะไรอย่างนั้น และถ้าพวกเขาออกไปข้างนอก พวกเขาควรแต่งตัวให้เหมาะสม ไม่แน่นหรือเปิดเผย ร่างกายคุณมากเกินไป (ค่ะ) […]
แต่มันไม่ใช่การบังคับ และปกปิดทั้งใบหน้า อย่างนั้น (ใช่ค่ะ) อาจจะในตอนนั้น มันก็ดีที่จะปกปิดใบหน้า เพื่อที่ศัตรู จำพวกเขาไม่ได้ (จริงค่ะ) เพื่อความ ปลอดภัยของพวกเขา (ค่ะ) […] ดังนั้น นี่ไม่จำเป็น จริง ๆ อีกต่อไป และมันไม่ใช่กฎหมายชารีอะห์ (ค่ะ เข้าใจค่ะ) […]
( อาจารย์คะ แต่ก่อน ท่านเล่าถึงการแต่งงาน แบบคลุมถุงชนในเอาหลัก (เวียดนาม) ท่านเล่าให้เราฟังเพิ่มเติมเกี่ยวกับมัน ได้ไหมคะ ทำกันอย่างไร? […] )
ในเวียดนาม ในเอาหลัก ที่เรียกกว่าการแต่งงานแบบคลุมถุงชน หรือการแต่งงานแบบยินยอม ต้องให้เจ้าบ่าว ทำงานกับครอบครัวสะใภ้ก่อน นานสามปี! (โอ้!) สามปี อยู่กับครอบครัวเจ้าสาว (เข้าใจค่ะ) เพื่อที่ พวกเขาจะได้ดูนิสัยเขา คุณเข้าใจไหม? (โอ้!) แล้วดูว่าเขาคู่ควรหรือไม่ กับความไว้วางใจของพวกเขา ที่จะให้ลูกสาวของพวกเขา แต่งงานด้วย (ใช่ค่ะ) แล้วหญิงสาว ในขณะนั้น ก็จะได้รู้จักกับเขา ได้เห็นเขา (ค่ะ) ได้คุ้นเคยกับกันและกัน ว่าพวกเขาชอบกันหรือไม่ พวกเขาเข้ากันได้ไหม […] แล้ว ถ้าพวกเขาตกลง ถ้าหญิงสาวตกลงกับเรื่องนั้นและ ครอบครัวโอเคกับผู้ชาย (ค่ะ) พวกเขาอาจตกลง แล้วเขาต้อง เอาสินสอดก้อนโต ของขวัญมากมายมาให้ครอบครัว (ค่ะ) ให้หญิงสาว […] แล้วในสามปีนี้ เขาต้องทำงานหนักมาก (ใช่ค่ะ) ฉันหมายถึงเพื่อโชว์ (ค่ะ) เขาทำงานหนัก แล้วเขาต้องระมัดระวัง ความประพฤติ และการประสานงาน ร่วมมือกับครอบครัว และเอาใจพวกเขา ทั้งพ่อแม่ สมาชิกครอบครัว และหญิงสาว (โอ้ เข้าใจค่ะ) […]
ดังนั้น นั่นคือวิธีที่ครอบครัว ในเอาหลัก (เวียดนาม) ในสมัยโบราณปกป้อง ลูกสาวที่มีค่าของพวกเขา และนั่นคือวิธี ที่ผู้ชายแสดงความเคารพของเขา และความรักต่อเธอ ก่อนที่เขาจะสามารถแต่งงานกับเธอ ได้ด้วยซ้ำ (โอ้ เข้าใจค่ะ) ระหว่างสามปีนี้ ครอบครัวของภรรยาสามารถยกเลิก คำขอแต่งงานได้ทุกเมื่อ (โอ้ ค่ะ โอเค) หรือเจ้าบ่ายอาจจะไม่ชอบ หญิงสาวหรือครอบครัวเช่นกัน หรือเหตุผลใดก็ตาม เขาสามารถยกเลิกได้เช่นกัน (โอ้ ค่ะ) แล้วกลับบ้านไป (ค่ะ) […] นั่นคือวิธีที่เราแสดงความเคารพ ต่อผู้หญิง (ใช่ค่ะ) นั่นคือวิธีที่เราปกป้อง หญิงสาวในครอบครัว ในเอาหลัก (เวียดนาม) (ค่ะ) แต่ก่อน […]
ตอนนี้ คุณจินตนาการ ได้ไหมว่ามันเป็นยังไง? สมมติตอลิบาน ประสบความสำเร็จในการปกครอง ประเทศภายใต้กฎของพวกเขา มันไม่ใช่ กฎหมายชารีอะห์ […]
ในโลกนี้ ครึ่งหนึ่งคือผู้หญิง ครึ่งหนึ่งคือผู้ชาย ไม่ใช่หรือ? (ค่ะ ใช่ค่ะ) โอเค ดังนั้น ครึ่งประเทศภายใต้ กฎตอลิบานจะเป็นอย่างนี้ ผู้หญิงโง่ ไร้การศึกษา พึ่งตัวเองไม่ได้เลย ไม่มีความสามารถ นอกจากการพึ่งพา ผู้ชายของเธออย่างมาก (ค่ะ) เธออ่านป้ายถนน ยังไม่ได้เลย เธอไม่สามารถเซ็นชื่อของเธอได้ หรืออ่านชื่อของเธอ (ค่ะ อาจารย์) ถูกบังคับไว้ใต้อำนาจ เหมือนทาส (ใช่ค่ะ) เธอพึ่งผู้ชายของเธอ ทั้งหมด เพียงเพื่อแค่แตงกวา ที่เธออยากซื้อ ให้ครอบครัว (ค่ะ) เธอออกไปข้างนอกคนเดียวไม่ได้ (ค่ะ) และผู้ชาย แน่นอน ยุ่ง หาเงิน หรือ ทำงานเพราะเธอทำไม่ได้ (ค่ะ) เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงาน […] เธอไม่สามารถอ่านหรือเขียนได้ (ค่ะ) ครึ่งหนึ่ง ของพลเมืองโง่หมด ไร้การศึกษาและอ่อนแอ พึ่งผู้อื่น ดังนั้น มันไม่มีอะไร ที่ผู้หญิงทำได้ ที่จะช่วยประเทศของเธอ […]
และอีกครึ่งหนึ่ง ของพลเมือง ฉันหมายถึง ผู้ชาย เป็นพวกข่มขืน พวกขืนใจเด็ก (ใช่ค่ะ) โจร ปล้นทรัพย์สินผู้อื่น หรือเด็กหญิง หรือเด็ก หรือผู้หญิง (ใช่ค่ะ) พวกเขากลายเป็นพวกข่มขืน และพวกขืนใจเด็ก ดังนั้น ฉันสงสัย นั่นเป็นสังคมแบบไหน!? ประเทศประเภทไหน ที่ตอลิบานต้องการสร้าง? (ค่ะ นึกไม่ถึงเลยค่ะ) ใช่!
แล้วฉันสงสัยเช่นกัน ชุมชนโลก ชุมชนนานาชาติที่ดีพอ ประเภทไหนที่จะอยาก จับมือกับพวกเขา ร่วมมือกับพวกเขา หรือทำธุรกิจกับพวกเขา หรือแม้แต่มองพวกเขา! (ใช่เลยค่ะ) คุณจะจัดการกับผู้ชายพวกข่มขืน และพวกล่วงละเมิด และผู้หญิงโง่โง่ได้อย่างไร? (ค่ะ) ครึ่งประเทศ เป็นพวกโง่เขลา ครึ่งประเทศเป็นพวกรุนแรง! (ใช่ค่ะ) แม้แต่กับครอบครัวของเขาเอง (ค่ะ) เพราะถ้าเด็กผู้หญิงไม่แต่งงาน กับผู้ชายที่ถูกเลือกมา เวลาใด อายุเท่าไหร่ หรือหน้าตาอย่างไร เธออาจจะตกหลุมรัก กับคนอื่น แล้วปฏิเสธชายคนนั้น แล้วพ่อจะฆ่าเด็กผู้หญิงนั้น อย่าง การฆ่าเพื่อ “เกียรติยศ” คุณก็รู้เรื่องนั้น (ค่ะ) พวกเขาหลายพันคน ถูกฆ่าทุกปี! (เลวร้ายมาก) […]
แล้วชุมชนนานาชาติใด หรือประเทศเพื่อนบ้านใด จะอยาก แม้แต่จะเกี่ยวข้อง อะไรกับพวกเขา? นอกจากว่าพวกเขาบ้ากันไปหมด หรือโดนซาตานเข้าสิง (ค่ะ) (ค่ะ อาจารย์) […]
กฎประเภทนี้จะใช้ไม่ได้ มันไม่มีประโยชน์ มันเผด็จการเกินไป เพราะผู้หญิง พวกเขาต้องออกไปข้างนอก พวกเขาต้องออกไปเพื่อลูก ๆ เพื่อความจำเป็นของพวกเขาเอง ไปช้อปปิ้งให้ครอบครัว เพื่อซื้อสิ่งต่าง ๆ แม้แต่เพื่อทำความสะอาดบ้าน เพื่อซื้อสิ่งต่าง ๆ เพื่อซักผ้า ของพวกเขา ทุกอย่าง (ค่ะ) ถ้าพวกเขาต้องพึ่งพา ผู้ชายของพวกเขาตลอดเวลา แล้วผู้ชายก็จะหงุดหงิด (ค่ะ) แล้วจะกลายเป็นรุนแรง ยังไงผู้ชายก็เป็นมนุษย์เช่นกัน เขาจะทนความรู้สึก ทั้งหมดนี้ที่ถูกจู้จี้ ให้ทำทุกอย่างได้อย่างไร ในขณะที่ผู้หญิงก็ทำได้เช่นกัน? (ใช่ค่ะ) ทุกอย่าง อย่าง ไปหาหมอ เขาต้องพาเธอไป แล้วต้องพาเธอไปอีก ครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะคุณไปหาหมอ ไม่ใช่แค่ ครั้งเดียวจบเสมอไป (ค่ะ) แล้วต้องพา ลูก ๆ ไปโรงเรียน แล้วพาลูก ๆ อาจจะไปหาหมอ และสิ่งต่าง ๆ ทุกอย่าง คุณเข้าใจไหม? (ค่ะ)
เธอไม่สามารถพึ่งพา ผู้ชายของเธอได้ตลอดเวลา 24/7 (ใช่ค่ะ) นั่นจะทำให้เกิดความขุ่นเคือง จากฝ่ายผู้ชาย ไม่ว่าเขา จะเป็นคนดีและอ่อนโยนแค่ไหน เพราะเขาจะใช้ความสามารถ ของเขามากเกินไป (ค่ะ) เขาจำเป็นต้องหาเลี้ยงชีพ เขาจำเป็นต้องออกไป แล้วเขาจำเป็นต้อง ไปพบเพื่อน ๆ ของเขา และเรื่องของผู้ชายทั้งหมด แล้วเขาก็จะถูกจู้จี้ ตลอดเวลา (จริงค่ะ) โดยผู้หญิงที่ช่วยตัวเองไม่ได้ เพราะเธอไม่ได้รับอนุญาต ให้ทำอะไรด้วยตัวเธอเอง (ใช่ค่ะ) ให้ออกไปเอง แม้ว่าเธอต้องการพึ่งพา ญาติ ๆ ผู้ชาย ญาติผู้ชายกี่คน ที่จะพร้อมทำเพื่อเธอตลอดเวลา? (ค่ะ) หรือตอนฉุกเฉิน? (ค่ะ อาจารย์) เพราะญาติผู้ชายเหล่านี้ พวกเขาก็ยุ่งเช่นกัน กับภรรยาของพวกเขา (ค่ะ) แล้วลูก ๆ และครอบครัวของพวกเขา แม่ พี่สาว น้องสาวของพวกเขา อะไรก็ตาม (ค่ะ) นี่เป็นไปไม่ได้เลย (ค่ะ จริงค่ะ) นี่คือเหตุผลที่ ประเทศอาหรับมุสลิมบางประเทศ พวกเขาตอนนี้อนุญาตให้ผู้หญิงขับรถ (ค่ะ) เพื่อเห็นแก่พระเจ้า พวกเขาจำเป็นต้องทำอะไรบางอย่าง พวกเขาต้องพาลูก ๆ ของพวกเขา ไปโรงเรียน พวกเขาต้องไปช้อปปิ้ง (ค่ะ) เพื่อซื้อผักและอาหาร ให้ครอบครัว ไม่สามารถให้ผู้ชาย ทำทุกอย่างได้เสมอ เขาต้องพาลูก ๆ ไปโรงเรียนตอนเช้าตรู่ แล้วทำงานทั้งวัน แล้วกลับมาบ้าน แล้วต้องพาภรรยา ออกไปช้อปปิ้งซื้ออาหาร และ/หรือพบหมอ หรืออะไรก็ตาม (ค่ะ) […]
ตอนนี้ คุณก็รู้แล้ว ว่าเหตุใดผู้หญิงถึงลุกขึ้น แล้วชาวอัฟกันจำนวนมาก ก็ลุกขึ้นต่อต้านพวกเขา ชาวตะวันตกก็ ไม่ปฏิบัติตามตอนนี้ (ค่ะ) ตอลิบานควร ระมัดระวังมากกว่านี้ พวกเขาถูกต่อต้าน
มีพลังจำนวนมาก ต่อต้านพวกเขา (ค่ะ) แล้วพวกเขาควร เจรจาและพูดคุย แม้แต่คนที่ ลุกขึ้นต่อต้านตอลิบาน พวกเขาต้องการเจรจา แต่ตอลิบานปฏิเสธ แล้วตอลิบาน ยังขู่ตะวันตก เช่น “ออกไปก่อนเส้นตายวันนี้ วันนั้น มิฉะนั้น” (ค่ะ) โอ้ พวกเขาไม่ควรทำ เพราะชาวอเมริกัน และกองกำลังทหารตะวันตก พวกเขาอาจออกไป จากประเทศแล้ว แต่พวกเขาสามารถกลับมาได้เสมอ (ค่ะ จริงค่ะ) และแข็งแกร่งมากขึ้น มุ่งมั่นมากขึ้น ถ้าพวกเขากลับมา (ใช่ค่ะ) พวกเขาเป็นพลัง ที่ต้องคำนึงถึง มันไม่ควรถูกคุกครม หรือข่มขู่ (ค่ะ) โอ้ พวกเขาไม่ควร ข่มขู่ชาวตะวันตก และชาวอเมริกัน โดยเฉพาะ […]
ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนาม ในข้อตกลงสันติภาพ เพราะเขารักสันติภาพ เขาไม่ต้องการ ทำร้ายพลเมืองใด ๆ โดยบังเอิญหรือโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือเพราะการต่อสู้ บางครั้งทำให้ สูญเสียชีวิตผู้คน ดังนั้นเขาไม่ต้องการทั้งหมดนั่น เพราะเขารักผู้คน เขารักสันติภาพ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ตอลิบานจะสามารถ บีบบังคับพวกเขาต่อไป หรือกดขี่ข่มเหงพวกเขา หรือข่มขู่พวกเขา (ค่ะ) พวกเขาไม่ยอมถูกข่มขู่ ชาวอเมริกัน (ค่ะ จริงค่ะ จริง) และพระเจ้ารู้ว่ากำลังและ อาวุธประเภทไหนที่พวกเขามี
แม้ว่าถ้าตอลิบานยึด อาวุธที่พวกเขาทิ้งไว้ทั้งหมด มันไม่มีอะไรเลยสำหรับพวกเขา พวกเขามีมากกว่า และมีดีกว่านั้น (ค่ะ) ทันสมัยมากกว่า (ว้าว ค่ะ) ดังนั้น ฉันไม่รู้ว่าเหตุใดตอลิบาน จึงเย่อหยิ่งมากตอนนี้ พวกเขาไม่ควร พวกเขาควรถ่อมตนมากกว่า ให้ความร่วมมือมากกว่า และปฏิบัติต่อพลเมืองของพวกเขา ด้วยความเคารพและความเห็นใจ ยังไม่ได้พูดถึงความรัก และความเมตตา (ค่ะ) ฉันไม่รู้ ว่าพวกเขาสามารถทำมันได้ไหม วิธีที่พวกเขาทรมานผู้หญิง ฆ่าผู้หญิง หรือใครก็ตาม สุ่ม ๆ อย่างนั้น เพียงเพราะพวกเขาทำงาน ให้ชาวอเมริกัน […]
ฉะนั้นตามที่ฉันพูดไป ประธานาธิบดีทรัมป์ ลงนามในข้อตกลงสันติภาพ เพราะเขาต้องการสันติภาพจริง ๆ เขาไม่ต้องการการเสียชีวิต อย่างบริสุทธิ์ของคนที่อยู่ในเหตุการณ์ เพื่อชาวอัฟกัน รวมทั้ง เพื่อชาวอเมริกัน (ค่ะ) แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เขากลัวพวกนั้น เขาแค่เป็นประธานาธิบดีที่ดี หรืออาจจะเกือบไร้เดียงสา เชื่อว่าคนอื่นทุกคน ก็จะตรงไปตรงมาและยุติธรรม อย่างที่เขาเป็น (ค่ะ) เขาจึงเชื่อ คำสัญญาของตอลิบาน นั่นคือเหตุผลที่ เขาลงนามในข้อตกลงสันติภาพ
และตอนนี้ ถึงแม้ว่า ไบเดนดูอ่อนแอ... ทุกรัฐบาล เหล่าทหารทั้งหมดของ ชุมชนนานาชาติ กำลังออกไป และมันดูราวกับว่า พวกเขาถ่อมตนมาก แต่เพียงเพราะ พวกเขาต้องการสันติภาพ (ใช่ค่ะ) พวกเขาต้องการหลีกเลี่ยงการนองเลือด นั่นคือเหตุผล ที่พวกเขาถ่อมตน แต่นั่นไม่ใช่สัญญาณ ของความอ่อนแอ (ค่ะ) แม้ว่าพวกเขาดูอ่อนแอ ไบเดนอาจจะอ่อนแอ หรือดูอ่อนแอ แต่ชาวอเมริกันไม่อ่อนแอ (ค่ะ) พวกเขายังมี ผู้บัญชาการของพวกเขา พวกเขายังมีเหล่านายพล และกองทหารชั้นยอดระดับโลก ที่ยิ่งใหญ่ ทรงพลัง (ค่ะ) ดังนั้นพวกเขาอาจข้ามไบเดนไปเลย เพื่อปกป้องชาวอัฟกัน ที่บริสุทธิ์ ไร้ทางสู้ อย่างผู้หญิงและเด็ก ๆ
ดังนั้นไม่มีใครควรหาเรื่อง กับชาวอเมริกัน (ค่ะ) ไม่มีใครควรดูถูก ชาวอเมริกัน ไม่มีใครควรรู้สึกว่า พวกเขามีชัยชนะ เหนือชาวอเมริกัน แม้ว่ามันอาจจะดูเป็นเช่นนั้น (ใช่ค่ะ) ถึงแม้ว่าพวกเขาอาจจะ ดูถ่อมตนตอนนี้ เพื่อสันติภาพแต่มันไม่ตลอดไป ถ้าถูกกดดันนานและแรงเกินไป พวกเขาอาจจะเอาคืน (ใช่ค่ะ) และเวลานี้ พวกเขาจะพยายาม อย่างสุดความสามารถ
ฉะนั้นใครก็ตามที่รู้สึกว่า พวกเขามีชัยชนะ เหนือชาวอเมริกัน พวกเขาควรคิดอีกที (ค่ะ) นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการพูด เพราะไม่มีใครควร ยั่วยุชาวอเมริกัน (ว้าว ค่ะ) (ค่ะ อาจารย์)
ถ้าพวกเขาจะถอย หรือลงนามในข้อตกลงสันติภาพ มันเป็นเพราะพวกเขาไม่ต้องการ การนองเลือดอีกต่อไป สำหรับทั้งสองฝ่าย (ค่ะ) เพื่อสันติภาพ เพื่อมนุษยชาติ แค่นั้น (ถูกต้องค่ะ) ไม่ใช่เพราะพวกเขาอ่อนแอ พวกเขามีเครื่องมือล่าสุด ทันสมัยที่สุดเพื่อทำสงคราม (ค่ะ อาจารย์) ดังนั้น พวกเขาจะกลัวใคร ไปทำไม? (ใช่ค่ะ) คนที่ควรกลัว คือตอลิบาน เพราะชาวอเมริกัน พวกเขาไม่กลัวอะไร! นั่นคือเหตุผลที่พวกเขา ไปตามประเทศต่าง ๆ ทุกแห่งที่ต้องการการคุ้มครอง ที่ทรงพลังของพวกเขา (ใช่ค่ะ) พวกเขาไม่สนใจที่จะเสียสละ การเงิน และชายและหญิง ที่อ่อนเยาว์ งดงามและทรงพลังที่สุด ของพวกเขาเพื่อปกป้องผู้อื่น ไม่ว่าประเทศนั้น จะไกลเพียงใด ไม่ว่าถ้าประเทศนั้น มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขา หรือให้อะไรพวกเขาได้ทางการเงิน หรือชื่อเสียงหรือผลประโยชน์ ไม่เลย พวกเขาไร้เงื่อนไขมาก ๆ (ค่ะ) พวกเขาไม่กลัวใคร หากพวกเขาแสดงความนอบน้อมถ่อมตน นั่นเป็นเพราะพวกเขายิ่งใหญ่ (ใช่ค่ะ) เพราะพวกเขารู้ ว่าพวกเขาบดขยี้ใครก็ได้ มันแค่ พวกเขาทำมันด้วยความระมัดระวัง และด้วยความนอบน้อมในหัวใจ (ค่ะ) ดังนั้น พวกเขาไม่คำนึงถึง ตัวเขาเองเสมอ หรือไม่ใช้เล่ห์เหลี่ยม หรือกลยุทธเพียงพอที่จะชนะเพราะ พวกเขานึกถึงชีวิตของผู้อื่น (ค่ะ อาจารย์) นั่นดูเหมือนเป็นความอ่อนแอ ต่อผู้อื่น แต่มันไม่ใช่เช่นนั้น พวกเขาเพียงเกิดมาและถูกเลี้ยง ในวิถีวีรบุรุษซื่อตรงมากแบบนั้น พวกเขาไม่มีเล่ห์กล พวกเขาไม่ทำสิ่งต่าง ๆ ลับหลังศัตรู หรืออะไรอย่างนั้น (ใช่ค่ะ) […]
และฉันเพียงหวังว่า ตอลิบานจะถอยออก มีคุณธรรม […] มากขึ้น อยู่กับพลเมืองเขามากขึ้น มิฉะนั้น ถ้าตะวันตกรู้สึก ว่าพลเมืองถูกกดขี่ ภายใต้ตอลิบาน ฉันไม่คิดว่าพวกเขา จะยืนมองอยู่เฉย ๆ (ค่ะ ใช่) มันไม่ใช่ธรรมชาติของพวกเขา ค่ะ) พวกเขามีความเป็นวีรบุรุษในตัวเขา นั่นเป็นอุดมการณ์ของพวกเขา (ค่ะ อาจารย์) และอุดมการณ์จะไม่ตาย […]
ชาวตะวันตก พวกเขาจะกระโดดเข้าร่วม ฉันคิดนะ ไม่ช้าก็เร็ว (ค่ะ) เพียงเพื่อปกป้องสันติภาพ แม้ว่าพวกเขาต้อง ออกรบเพื่อปกป้องสันติภาพ นั่นคือสิ่งที่พวกเขาทำ ตลอดเวลา (ค่ะ) (นั่นจริงค่ะ ฉันเห็นด้วย) […]
( อาจารย์คะ ท่านคิดว่า ชาวอเมริกันแพ้สงคราม ในอัฟกานิสถาน อย่างที่หลายคนพูดไหมคะ? )
พวกเขาผิด ชาวอเมริกันได้ชนะแล้ว (ว้าว) คุณเห็นไหม พวกเขาชนะทุกที่ แม้ว่าพวกเขาจะถอยออก เพียงด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม หรือเพียงด้วยเหตุผลด้านสันติภาพ (ค่ะ) พวกเขาชนะแล้วเพราะ พวกเขายิ่งใหญ่ พวกเขาใหญ่โต เพราะพวกเขารู้ว่าพวกเขาชนะได้ ถ้าพวกเขาต้องการ(ค่ะ) พวกเขาชนะแล้วเพราะ พวกเขามีหัวใจ พวกเขาไม่ต้องการทำสงคราม นองเลือดที่ใดต่อไป (ค่ะ) พวกเขาชนะแล้ว ฉันบอกคุณให้
( อาจารย์คะ ทำไมท่านถึงคิดว่าพวกเขาชนะคะ? )
ทำไมหรือ? ฉันจะบอกคุณว่าทำไม เพราะพวกเขาชนะแล้ว - พวกเขาชนะใจชาวอัฟกัน คุณเห็นไหม? (ค่ะ จริงค่ะ) แค่ไม่กี่ชั่วโมงหลังจาก ชาวอเมริกันดึงกองกำลังออก พวกเขาต่างวิ่งไปสนามบิน ไปกับพวกนั้น! ด้วยเพียงเสื้อผ้า บนหลังของพวกเขา พวกเขาไม่มีกระเป๋าเดินทางใด ๆ ไม่มีอะไรเลย! ผู้ชายเหล่านี้ทั้งหมด พวกเขาเป็นผู้ชาย พวกเขาไม่ใช่ผู้หญิงด้วยซ้ำ ที่จะกลัวการทรมานหรือการควบคุม ของตอลิบาน (ใช่ค่ะ) พวกเขาส่วนมากเป็นผู้ชาย!
และถึงแม้ว่า ตอลิบานพูดว่าพวกเขาจะได้รับ การนิรโทษกรรมและทั้งหมดนั้น พวกเขาวางใจไม่ได้ (ค่ะ) พวกเขาไว้ใจชาวอเมริกันมากกว่า! (ค่ะ มันจริงค่ะ) ใช่! (ค่ะ) พวกเขาส่วนมากเป็นผู้ชาย ทิ้งครอบครัวไว้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขา จะได้พบครอบครัวอีกครั้งเมื่อไหร่ (ค่ะ) พวกเขาวิ่งไปหาชาวอเมริกัน เพราะพวกเขาไว้ใจพวกนั้น มากกว่าที่พวกเขาไว้ใจพวกเขาเอง ตอลิบาน แล้วขณะที่ชาวอัฟกันคนอื่น รู้ถึงอันตรายและ ผลที่ตามมาอื่น ๆ ก็ยังออกมา ตามท้องถนนเพื่อประท้วง (ใช่ค่ะ)
นั่นควรเป็นเครื่องหมายที่น่าอับอาย ในประวัติศาสตร์ของตอลิบาน ไม่ว่าพวกเขาจะอ้างว่าพวกเขาชนะ อย่างไร (ค่ะ อาจารย์) ดังนั้น ตอนนี้คุณเข้าใจเหตุผล ที่ฉันพูดว่าชาวอเมริกันชนะไหม? (ค่ะ อาจารย์) พวกเขาชนะแล้ว พวกเขาชนะแล้วทุกที่! ทุกที่ที่ชาวอเมริกันจากไป ผู้คนวิ่งตามพวกเขา (พวกเขาชนะใจ) จากเอาหลัก (เวียดนาม) เช่นกัน หลายแสนคน จากเอาหลัก (เวียดนาม) แม้แต่ แต่ก่อน (ค่ะ) ตอนที่ชาวอเมริกัน ไปที่เยอรมนี และชนะสงคราม ผู้คนออกมาทักทายพวกเขา ไม่กลัวพวกเขา ทุกหนแห่ง คล้าย ๆ กัน
ดังนั้น นั่นตอลิบาน ควรละอายใจ พลเมืองร่วมประเทศของพวกเขา ไว้ใจคนแปลกหน้ามากกว่า เพื่อนร่วมชาติของพวกเขา กองทหารอเมริกัน ไปสนามบินเพียงเพื่อ พาชาวอเมริกันออกไป แต่พวกเขากลับพา ชาวอัฟกันออกไปด้วย (ค่ะ มันจริง) หกร้อยกว่าคน แค่เครื่องบินลำเดียว (ค่ะ) พวกเขาเบียดเสียดด้วยกัน และมีความสุขมาก ที่พวกเขาโชคดีได้ขึ้นเครื่อง! พวกเขาไม่มีอะไรติดตัวไป! (ค่ะ) พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าอเมริกาเป็นยังไง พวกเขาไม่รู้ว่าพวกนั้น พาพวกเขาไปที่ไหน พวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขา จะมีอาหารหรือเสื้อผ้าไหม ในที่ที่พวกเขากำลังไป (ค่ะ) พวกเขาแค่ไป! ฉันไม่เห็นว่าพวกเขา มีเงินใด ๆ ติดตัวไปด้วย พวกเขาแค่วิ่งไป กับแค่ร้องเท้าแตะ บางคนเท้าเปล่า (ค่ะ ค่ะ) เพราะพวกเขาวิ่งเร็วเกินไป รองเท้าแตะหลุดไป พวกเขาทำมันหายไปทั่วสนามบิน ฉันเห็นภาพนั้น ที่รองเท้าแตะและรองเท้าเต็มไปหมด
ดังนั้น คุณก็เห็น คุณไม่เคยชนะเลย ถ้าคุณสูญเสียหัวใจของผู้คน (จริงค่ะ ใช่) ดังนั้นนี่คือเพื่อทั้งโลก ให้เห็นประจักษ์ด้วย! (ใช่ค่ะ) นี่คือกลุ่มตอลิบานที่ “รับรอง” ความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ ในดินแดนของตน บนดินแดนของอัฟกานิสถาน (ใช่ค่ะใช่)
ชาวอเมริกันที่ไป ที่สนามบินคาบูล […] เพียงเพื่อรักษาระเบียบ หรือเพื่อลงทะเบียนและทั้งหมดนั่น […] พวกเขามา ด้วยอาวุธง่าย ๆ มาก (โอเคค่ะ) แค่ปืนเล็กไม่กี่อัน […] พวกเขาเสี่ยงตัวเอง ต่ออันตรายเช่นกัน (โอ้ ใช่ค่ะ) และพวกเขาเสี่ยงชีวิตของพวกเขา (ว้าว) เพราะกองทหารออกไปหมด และอุปกรณ์ทั้งหมด ถูกขโมยหรือถูกขายไป (ค่ะ) พวกเขาเพิ่ง ได้รู้ถึงสถานการณ์ ที่เสี่ยงและอันตราย แล้วพวกเขามา ยังอยู่ และอยากอยู่นานขึ้นจนกระทั่ง ผู้อ่อนแอทั้งหมดได้รับการช่วยเหลือ ชาวอเมริกันหรือชาวอัฟกันเหมือนกัน พวกเขาไม่แยกแยะ พวกเขาพูดว่า “เราจะไม่ ทิ้งพวกคุณไว้”
แม้แต่หญิงมีครรภ์ ในวันคลอด วิ่งไปที่สนามบิน! (โอ้ ว้าว!) แค่เพื่อไปกับชาวอเมริกัน พวกเขารู้สึกปลอดภัยมากกว่ากับ คนแปลกหน้าที่พวกเขารู้จักมาก่อนด้วย (ค่ะ) แล้วพวกเขาไว้ใจ ทหารแปลกหน้า กับทารกของพวกเขา ทหารคนหนึ่ง กำลังอุ้มทารก ข้ามลวดหนาม (ค่ะ) […] และแม่ที่มีครรภ์[…] คลอดลูก บนเครื่องบินอเมริกัน […] เวลาเช่นนั้น อย่างนั้น แล้วพวกเขาหนี! ไม่กังวล ว่าพวกเขาจะคลอดลูกที่ไหน (ค่ะ สิ้นหวัง) […] พวกเขาไว้ใจชาวอเมริกัน […]
แน่นอน พวกเขารู้ว่าเมื่อ พวกเขาไปที่สนามบินคาบูล พวกเขาอาจพบกับ ปัญหาและอันตรายเช่นกัน (ค่ะ) ด้วยจุดตรวจและด้วยปืน ของตอลิบานและทั้งหมดนั่น พวกเขาไม่มีอะไรในมือของพวกเขา พวกเขาไม่มีอาวุธ (ค่ะ) พวกเขามีแค่เสื้อผ้าหนึ่งชุด ที่พวกเขาใส่อยู่ ฉันร้องไห้ได้ตลอดกาล นึกถึงสถานการณ์นี้
คนบางคนไม่สามารถ ขึ้นเครื่องบินได้ พวกเขารอ สอง สาม สี่วันกลางแดด แดดแรงเช่นนั้น ในประเทศอย่างนั้น มันร้อนมากตอนนี้ ฤดูร้อนด้วย มันไม่มีร่มเงา ไม่มีอะไรเลย (ค่ะ) พวกเขานั่งกลางแดด บนพื้นเพื่อรอ หวังว่าพวกเขาจะได้ ขึ้นเครื่องบิน เพื่อไปกับชาวอเมริกัน (ค่ะ อาจารย์) พวกเขาไว้ใจชีวิตของพวกเขา ชีวิตของทารกของพวกเขา ชีวิตของภรรยาของพวกเขา แค่ผู้หญิงสองสามคน ส่วนมากเป็นผู้ชาย ผู้หญิงไม่กล้าด้วยซ้ำ ที่จะออกมาตามถนน ทันทีที่ตอลิบานเข้ามา ผู้หญิงก็หายไป ซ่อนอยู่ในบ้านของพวกเขา พวกเขาหวาดกลัวมาก นี่ควรเป็นเรื่องน่าละอายใจ ในประวัติศาสตร์ของตอลิบาน (โอ้ ใช่ค่ะ) ฉันไม่สนใจ ว่าใครชนะ ใครไม่ชนะสงคราม นี่เป็นเรื่องน่าละอายใจจริง ๆ! และน่าเศร้ามาก เศร้ามาก! (มันเศร้ามากค่ะ) แล้วฉันร้องไห้อีกครั้ง แต่ใครสนใจ ดังนั้น นั่นคือเหตุผลที่ฉันบอกคุณ ว่าชาวอเมริกันชนะแล้ว เพราะพวกเขาชนะหัวใจ ของผู้คน! (ค่ะ พวกเขาชนะหัวใจ ของโลกตอนนี้เช่นกันค่ะ) ใช่ พวกเขาชนะเช่นกัน
แล้วคุณก็เห็น ตอลิบาน แม้แต่ด้วยสิ่งเลวร้ายทั้งหมดเหล่านี้ ที่กำลังเกิดขึ้น และ การเสียชีวิตที่สนามบินและทั้งหมดนั่น พวกเขายังคงก่อกวน และไล่ล่าผู้หญิง และไล่ล่าใครก็ตาม ที่ได้ร่วมงานกับ รัฐบาลมาก่อน หรือกับชาวอเมริกันมาก่อน (ค่ะ)
และพวกเขาแค่ยิงหรือฆ่า ทรมาน สุ่ม ๆ ต่อไปแบบนั้น เพียงเพื่อแสดงพลังของพวกเขา (พลังของพวกเขา ใช่ค่ะ) แต่หัวใจมีพลังมากกว่า ยิ่งกว่าอาวุธใด ๆ ! เชื่อหรือไม่ (ใช่ค่ะ) คุณเห็นหัวใจของ คนสิ้นหวัง และแม้แต่หญิงมีครรภ์ และกับแม่ ที่พาทารกไปที่นั่น และไว้วางใจในอ้อมแขนของ ทหารอเมริกัน หัวใจ หัวใจเหล่านั้นที่สั่ง แม้จะเงียบ ๆ ‒ สั่งทหารที่ทรงพลังที่สุด บนโลก ให้มาช่วยชีวิตพวกเขา เสี่ยงชีวิตของพวกเขา! แม้จะอันตรายมาก แก่ชีวิตของตน ต่อชีวิตของทหารอเมริกัน (ถูกต้องค่ะ) หัวใจเหล่านั้น… หัวใจเหล่านั้น… ตอลิบานไม่สามารถชนะได้ ไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้ ผู้นำคนใดต้องชนะใจเหล่านี้ ถ้าพวกเขาเรียกตัวเองว่า ผู้ชนะสงคราม แถมยังหยิ่งผยอง ในการชนะ เพื่อสิ่งนั้น นั่นคือการพ่ายแพ้! ไม่ชนะ […]
ท่านอาจารย์ที่รัก และกล้าหาญที่สุด ขอให้คำพูดล้ำลึก และสัตย์จริงของท่าน ได้รับการพิจารณาอย่างดีโดย คนที่เกี่ยวข้องระหว่าง วิกฤติด้านมนุษยธรรมนี้ ขณะที่พวกเขาตระหนักว่า การปกครองอย่างสันติคือสิ่งสำคัญ ที่ทุกคนต้องการยิ่ง รวมทั้งตัวพวกเขาเอง เราอธิษฐานอย่างจริงจัง ให้สถานการณ์ดีขึ้น และสำคัญที่สุดสำหรับความปลอดภัย ของชาวอัฟกัน ทหารและผู้อื่นที่ได้รับผลกระทบ ขอให้เหล่าผู้พิทักษ์สวรรค์ทั้งหมด ช่วยเหลืออาจารย์ผู้มีค่าต่อไป และรับรองความอยู่ดี และความสงบสุขของท่าน
เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม สิ่งที่ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ พูดเกี่ยวกับตอลิบาน โปรดรับชม ระหว่างอาจารย์และศิษย์ ในวันเสาร์ที่ 4 กันยายน สำหรับการถ่ายทอดเต็ม ของการโทร.ครั้งนี้