เธอเห็นว่า บาบา ซาวาน ซิงห์ พาเธอไปพบพระเจ้า บนบัลลังก์ของพระเจ้า และเธอกำลังร้องไห้ ๆ เธอกล่าวว่า “ฉันไม่เคยคิดมาก่อน ฉันไม่เคย… ตลอดชีวิตของฉัน ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่า ฉันจะทำได้ แม้แต่เข้าไปใกล้บัลลังก์ของพระเจ้า และพูดกับพระองค์เช่นนั้น”
วัดนี้ไม่... มันดูไม่เหมือน วัดพุทธทั่วไป มันเป็นเพียงอาคาร ส่วนหนึ่งของอาคารที่ติดกับ บล็อกยาวทั้งหมด และเป็นเพียงส่วนเดียว สร้างเป็นวิหาร และอาจารย์ในขณะนั้น ท่านซื้อวัดนั้น เพียงเพื่อสอน ลูกศิษย์ชาวอเมริกัน ทุก 3 เดือน ท่านไปที่นั่น และลูกศิษย์ของท่าน ฉันนับนิ้วของฉัน บางที ประมาณ 30, 40 เป็นวัดเล็ก ๆ และพวกเขามาทุกวันอาทิตย์ เพื่อฟังท่าน และท่านเข้าฌานกับพวกเขา บางครั้ง และฌานอาจจะมี 20 หรือ 20 กว่าคน ดังนั้น จึงไม่เหมือนวัด ที่มีชื่อเสียง ดูไม่เหมือนวัด ข้างนอก เป็นเพียงห้องชุดธรรมดา มีสองชั้น และหนึ่งชั้นใต้ดิน ส่วนใต้ดินเป็นครัว - ชุมชนทำอาหารและทานอาหาร และชั้นแรก คือสำหรับพระพุทธ ห้องโถงและการทำสมาธิ ชั้นสามเป็น ส่วนที่อยู่อาศัย ฉันมีห้องเล็ก ๆ ห้องหนึ่งในนั้น และอาจารย์อาศัยอยู่ด้านหน้า ฉันอาศัยอยู่ด้านหลัง ห้องเดียว แบ่งแยกโดย ระเบียงและห้องว่างหนึ่งห้อง
ดังนั้น ถ้าฉันออกไปข้างนอก ทางไกล และกลับมา และฉันไม่ได้จด ที่อยู่ของวัดไว้ ฉันก็น่าจะหลงทาง แต่พวกเขาได้พบวัด เรียบร้อย กดกระดิ่ง ฉันอยู่คนเดียว เจ้าอาวาส เขาไป ๆ มา ๆ เขามีกรีนการ์ด ไป ๆ มา ๆ ดังนั้น อย่างไรก็ดี พวกเขาเข้ามาบอกฉัน พวกเขา (ผู้แสวงหาสัจธรรม) อธิบาย สิ่งที่การนำทางภายใน บอกพวกเขาเกี่ยวกับฉัน บอกว่า ฉันสามารถให้การประทับจิต และคุณสามารถได้ เสียง (แห่งสวรรค์ภายใน) คุณสามารถได้ยินเสียงมหาสมุทร ดังนั้น ฉันคิดว่าเธอไม่อาจพูดปด ฉันก็ถามเธอว่า เธอรู้ อะไรเกี่ยวกับ วิธีของแสง (แห่งสวรรค์ภายใน) และ เสียง (แห่งสวรรค์ภายใน) บ้าง และเกี่ยวกับคำสอนอะไร อะไร อย่างน้อยที่สุดคำสอนที่คล้ายกัน หรือบางสิ่ง เธอได้อ่านอะไรไหม? พวกเขาพูดว่า “ไม่ ไม่รู้เลย แค่ผู้นำบอกเราให้มาที่นี่ และท่านก็จะให้ การเจิมทางจิตวิญญาณแก่เรา แล้วเราก็จะได้ยินเสียงมหาสมุทร ถึงแม้ว่าเราไม่ได้มีมหาสมุทร” อะไรอย่างนั้น ฉันจึงคิดว่าพวกเขาจะไม่กล่าวเท็จ พวกเขากล่าวเท็จแก่ฉันเพื่ออะไร เพราะฉันไม่ได้มีแผนที่จะ ประทับจิตให้ใคร ฉันแค่อาศัยในวัด ทำความสะอาดห้องน้ำ และพื้นทุกวัน ดังนั้น ฉันก็พูดว่า “โอเค แต่คุณ จะต้องเป็นมังสวิรัติ(วีแกน)” พวกเขาพูดว่า “ใช่ เราเป็นอยู่แล้ว” เพราะในประเพณีของพวกเขา ก็อาจจะเหมือนอย่างนั้นด้วย โอ้ จริงใจมาก ประสบการณ์ดี
แล้วพวกเขาก็วนเวียนมา หาฉันบางครั้งหลังจากนั้น และก็ทำสมาธิ กับฉัน หรือทำเอง ฉันให้ห้องพวกเขา ที่เจ้าอาวาสมักจะสำรอง ไว้พบลูกศิษย์ของเขา ระหว่างฌาน ก็คือ ฉันบอกว่า “คุณอยู่ที่นั่น ฉันอยู่ในห้องของฉัน เพราะฉันไม่สามารถให้ห้อง ข้างบนแก่คุณ” ข้างบนมีแค่หนึ่งห้อง สำหรับอาจารย์ และอีกห้องหนึ่งสำหรับทำสมาธิ รวมทั้ง ชั้นบนมี ห้องนั่งสมาธิหนึ่งห้องสำหรับลูกศิษย์ เวลาคนพวกนั้นมา ในตอนเช้า คนพวกนั้นมานั่งสมาธิกับเขา แต่ก่อนนั้น ฉันคิดว่า พวกเขาเข้าใจผิด ฉันพูดว่า “ถ้าคุณจะหา เจ้าอาวาส เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาจะกลับมาอีกสองเดือน เขาจะกลับมาที่นี่ และชื่อของเขาไม่ใช่ชิง” ฉันบอกคนพวกนั้น เขาเป็นพระศาสนาพุทธ แล้วพวกเขาก็พูดว่า “ไม่ใช่ ไม่ใช่ พวกเขาพูดว่าอาจารย์ชิง” ฉันพูดว่า “อาจจะอาจารย์จี อาจารย์จี เขาเป็นผู้ชาย” อาจจะ “จี” ในภาษาอินเดีย สำหรับอาจารย์ยิ่งใหญ่ ผู้คนมักจะพูด กูรูจี มหาราจี หรือมาตาจี บาบูจี บาบาจี ทุกอย่าง “จี” หมายถึงยิ่งใหญ่ “ดังนั้น ฉันคิดว่าอาจจะนั่นเป็นสิ่งที่ ผู้นำทางของคุณหมายถึง อาจารย์จี แต่เขาไม่ได้อยู่ที่นี่” แล้วเธอก็พูดว่า “ไม่ใช่ ไม่ใช่ เพราะผู้นำทางบอกว่า เป็นผู้หญิง และเจ้าอาวาสสอน วิธีมหาสมุทรหรือไม่?” ฉันพูดว่า “ไม่ เขาไม่รู้ อะไรเกี่ยวกับเรื่องมหาสมุทร” ดังนั้น เธอพูดว่า “นั่นมันไม่ใช่ ท่านรู้จักมันไหม?” พวกเขาถามฉัน ว่าฉันรู้อะไรบ้างไหมเกี่ยวกับ เสียงมหาสมุทร (แห่งสวรรค์ภายใน) ฉันพูดว่า “ฉันรู้บ้าง” พวกเขาก็พูดว่า “นั่นก็เป็นท่าน เป็นท่าน ท่านเป็นผู้หญิง และท่านรู้เกี่ยวกับ เสียงมหาสมุทรภายใน ดังนั้น ไม่ใช่เจ้าอาวาสที่ เรากำลังมองหา ดังนั้น ฉันก็จะต้อง ให้การประทับจิตแก่พวกเขา พวกเขามาทางไกล และฉันให้ อาหารพวกเขาทานและของพิเศษ พวกเขาก็กลับมา เวลาอื่น
แต่พวกเขากลัวผี พวกเขาควรที่จะเป็น มือปราบผี พวกเขาเป็นแบบของ พวกหมอผี พวกเขาสามารถเห็นผีได้ แล้วก็วันหนึ่ง พวกเขามา หาฉัน พวกเขาขึ้นมา “เราจะนอนกับท่านชั้นบนได้ไหม?” ฉันพูดว่า “ห้องเล็ก ฉันไม่คุ้นเคยกับ การนอนกับคนอื่น คุณได้ห้องทั้งหมด ชั้นล่าง มันสบายกว่า และห้องอาบน้ำ ทุกสิ่งสำหรับคุณ ห้องน้ำสะดวกมาก” เธอพูดว่า “ไม่ มี ผีมากมายที่ชั้นล่าง ประมาณ 300 ตน อย่างต่ำ” ฉันพูดว่า “อ้อ” ฉันพูดว่า “มันเป็นวัด ผีก็ได้การต้อนรับด้วย” ก็ไม่ได้บอกข้างนอก ว่าผีไม่สามารถมา ฉันพูดว่า “นอกจากนี้ วัด จะให้อาหารผี ทุกวันด้วย” คุณก็รู้ อย่างเป็นสัญลักษณ์กับมนตรา แล้วคุณก็เพิ่มจำนวนมัน มันเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ โยนน้ำสองสามหยด และข้าวเล็กน้อย แล้วคุณก็เพิ่มจำนวนมัน แล้วผีก็มา และฟังเราสวด พระสูตรและพิธีสวดทางศาสนาพุทธ อะไรอย่างนั้น
คุณช่วยเช็คในอินเทอร์เน็ตได้ไหม? อย่างการให้อาหารผี หรือ อธิษฐานถึงพระเจ้าก่อนคุณทาน? นานแล้วที่ฉันไม่ได้ใช้คำนั้น “ดังนั้น นั่นทำไม นี่คือบ้านของพวกเขา ก็คือ เป็นธรรมชาติที่พวกเขาอยู่ที่นี่ แต่พวกเขาจะไม่ทำร้ายคุณ ฉันรับรอง เพราะดูที่ฉัน และเจ้าอาวาส และคนอื่น พวกเขาไป ๆ มา ๆ ฉันอยู่ที่นี่ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่ากังวล นอกจากนี้ ถ้าผี พวกเขาสามารถอยู่ชั้นล่าง พวกเขาก็สามารถมาชั้นบน ดังนั้น มีอะไรแตกต่าง?” ฉันพูดว่า “ผี พวกเขาอิสระมากกว่าเรา พวกเขาก็น่าจะวูบมาชั้นบน แค่อย่างนั้น เร็วกว่าเราไปทางบันได ดังนั้น ถ้าคุณเข้ามาที่นี่ มีอะไรแตกต่างไหม?” ดังนั้น เธอพูดว่า “ไม่ใช่ ไม่ใช่ มันแตกต่าง ไม่มีผีที่นี่ พวกเขาแค่อยู่ชั้นล่าง ที่นี่ ท่านมีเพียงแค่ อาจารย์สามสี่ท่านอยู่กับท่าน และมีอาจารย์ท่านหนึ่ง มีเครายาวมาก ชื่อของเขาคือ บาบา ซาวาน ซิงห์ และอาจารย์ท่านอื่น...” เธอบอกชื่ออาจารย์ทั้งหมด และอะไรพวกนั้น
เวลาที่ฉันประทับจิตเธอ เธอเห็น บาบา ซาวาน ซิงห์ ภายใน และท่านบอกชื่อท่านแก่เธอ พูดว่า ท่านและฉันเป็นหนึ่งเดียวกัน (วาว) บาบา ซาวาน ซิงห์ ฉันเป็นหนึ่งเดียว ทำไม? ทำไม? ฉันคิดว่า ฉันได้บอกคุณก่อนนี้? ฉันไม่ได้บอกหรือ? ฉันไม่หรือ? และฉันพูดว่า “คุณรู้อย่างไรว่า ชื่อ บาบา ซาวาน ซิงห์?” เธอพูดว่า “ท่านบอกฉันภายใน” พวกเขาจริงใจมาก และบริสุทธิ์ทางจิตวิญญาณมาก และจากนั้น ฉันก็พูดว่า “โอเค ถ้าท่านพูดอย่างนั้น มันก็เป็นอย่างนั้น อาจารย์จะไม่พูดปดกับคุณ เพื่อเหตุผลอะไร?” ประสบการณ์ภายใน และเธอเห็นว่า บาบา ซาวาน ซิงห์ พาเธอ ไปหาพระเจ้าบนบัลลังก์ของพระเจ้า เธอก็ร้องไห้ ร้องไห้ เธอพูดว่า “ฉันไม่เคยคาดคิด ฉันไม่เคย... ตลอดชีวิตของฉัน ฉันไม่เคยคาดคิด ว่าฉันจะสามารถแม้กระทั่งไปใกล้ บัลลังก์ของพระเจ้า และพูดกับพระองค์อย่างนั้น” เวลานั้น ก็ยังไม่ใช่พระเจ้าที่สูงมาก อย่างน้อยภายในห้าโลก แต่กระนั้น เธอร้องไห้ ร้องไห้ โอ้ เธอร้องไห้ไม่หยุด ฉันพูดว่า “หยุด ไม่อย่างนั้นคุณจะแห้งเหือด ฉันจะไม่เห็นคุณอีกต่อไป ฉันจะพูดว่า ‘อาซูลา อยู่ที่ไหน? ที่ไหน ที่ไหน?’” ดังนั้น ฉันให้เครื่องดื่มเธอ และอะไรทั้งหมด และโอเค พวกเขาทั้งหมดได้ประสบการณ์ ภายในดีเวลานั้น
แล้วพวกเขาก็ยังมา ไต้หวัน (ฟอร์โมซา) มาหาฉัน เวลานั้น ฉันอาศัยในป่า ป่า หยางหมิงซาน เราไม่ได้มีบ้าน หรืออะไร เราแค่มีหนึ่งเต็นท์ และด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง พวกเขาวาง แผ่นโลหะบางอย่างด้วยกัน ทำให้เป็นกระท่อมสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ สำหรับฉัน ฉันให้เธออยู่ และแล้ว เธอก็กลัวผีอีก ฉันพูดว่า “คุณแค่จินตนาการ คุณถามแม่ชีเหล่านี้” เวลานั้น ฉันมีประมาณ ฉันไม่รู้ มากกว่าสิบ แม่ชีและพระ รวมกับฉันด้วยกัน เราแบ่งเสื้อผ้ากัน เราไม่ได้มีเงินพอ ที่จะซื้อเสื้อผ้า ฉันให้เสื้อผ้าของฉันแก่พวกเขา ฉันเก็บไว้แค่ชุดเดียวสำหรับตัวฉันเอง เพราะเราไม่ได้มี เงินพอที่จะซื้อเสื้อผ้า เสื้อผ้าของแม่ชี และเราก็เรียบร้อยดี เราเรียบร้อยดี อยู่ดี เรามีความสุข เราไม่ได้มีเงินมากมาย แต่เรามีความสุข
ฉันคิดว่าฉันปลูก ถั่วงอกและผักเพื่อขาย เราก็มีเงินเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ฉันจำไม่ได้ว่า เราอยู่รอดอย่างไร และแม่ชียังคง ทำแผ่นปลิว อย่างข่าวรายสัปดาห์ กระดาษเดียว กระดาษชิ้นเดียว คัดลอกคำพูด ฉันพูดกับพวกเขา และ พวกเขาก็ส่งทั้งหมดไปให้ใครต่อใคร ก็คือ เรามีเต็นท์ใหญ่ ยาวประมาณสามสี่เมตร และกว้างสองเมตร เธอก็มา และฉันให้เธออยู่ ในกระท่อมแผ่นโลหะอยู่แล้ว เธอก็ยังคงกลัวผี มาบอกฉันว่า “โอ้ ผีมากมายที่นี่ ท่านอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” ฉันพูดว่า “เราอยู่ พวกเขาอยู่ที่นี่ก่อนเรามา ดังนั้น เราควรจะขอโทษพวกเขา ที่พวกเขาให้เราอยู่ด้วย”
เพราะภูเขานั้นชื่อ หยางหมิงซาน มันเป็นอุทยานแห่งชาติ ยกเว้นพวกคนที่ อยู่ที่นั่นอยู่แล้ว - บรรพบุรุษนาน นาน นานมา ทิ้งบ้านไว้ให้ - ไม่มีใครสามารถสร้าง บ้านอีกต่อไป และมันน่าจะเป็น บริเวณที่หลอกหลอนมาก พวกเขาทำเรื่องตลกมากมาย เกี่ยวกับมัน อย่าง บางครั้ง คนขับแท็กซี่บางคนไม่กล้า นำคนไปที่บริเวณนั้น เพราะเวลาที่พวกคนจ่ายเงิน มันไม่ใช่ของจริง เวลาที่พวกเขากลับไป พวกเขาตระหนักว่ามันเป็นเงินผี มันไม่เป็นของจริง มันเป็นพิเศษ เป็นชนิดพิเศษ ของเงินผี
คุณไม่รู้เรื่องราว เกี่ยวกับภูเขาหยางหมิงหรือ? (ค่ะ) มันเป็นเรื่องจริง คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับมันไหม? โอ้ ใช่ ดังนั้น เธอเป็นพยาน ฉันไม่ได้พูดปด ฉันแค่ได้ยิน แต่ฉันไม่แน่ใจ เราอาศัยที่นั่น ไม่มีใคร ไม่มีผี ที่เคยกล้ามาหาเรา เราแค่ดุร้ายมากกว่า ผีหรืออะไร ฉันพูดว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเราได้การประทับจิต เข้าสู่วิถีกวนอิม ไม่มีผีตนใดสามารถทำอะไรคุณ นอกจากนี้ คุณเป็นผู้กำจัดผี! คุณเป็น ผู้เชี่ยวชาญผู้กำจัดผี คุณทำการไล่ผี! คุณกลัวผีได้อย่างไร? แล้วถ้าลูกความของคุณได้ยิน เกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาจะ มาหาคุณอีกได้อย่างไร?” เธอพูดว่า “โอ้ มากเกินไป มากเกินไป ผีตัวใหญ่ ผีตัวใหญ่ ผีตัวใหญ่” ฉันพูดว่า “ใหญ่หรือเล็ก พวกเขาไม่ทำอะไรเรา เราทั้งหมดอยู่ที่นี่ด้วยกัน ในความสามัคคี เพราะเรา ไม่ได้ทำอันตรายพวกเขา พวกเขาไม่ทำอันตรายเรา” เธอยังคงพยายามมาหาฉัน ตลอดเวลากับเรื่องของผี ดังนั้น ฉันให้ผลไม้อย่างแก่เธอ อะไรก็ตามที่เรามี และพูดว่า “นี่เป็นผลไม้ดี ถ้าพวกผีเห็นมัน พวกเขาจะไม่แตะต้องคุณ พวกเขาจะไม่มาใกล้” ไม่มีผีรบกวนเรา พวกเขาแค่ให้เราเห็นพวกเขา เรื่องที่เราจะเห็นหรือไม่เห็น เราไม่สนใจเลย ผีไม่กล้า ปรากฏตัวต่อหน้าฉัน และ แม่ชีและพระของฉันเวลานั้น หรืออาจเป็นว่าเราตาบอด หรือหูหนวกต่อโลก คนพูดว่าเวลาคุณหูหนวก คุณไม่กลัวปืนใหญ่ หรือปืน คุณไม่ได้ยินอะไร! เพราะอย่างนั้น ครั้งหนึ่งเรา ทำเรื่องตลกที่เหลวไหลมาก เราพูดว่า “อย่ากลับบ้านมืดเกินไป” แล้วก็อีกครั้งหนึ่ง ฉันพูดกับแม่ชีและพระ... บางครั้งพวกเขาจะต้องออกไป ซื้อของ ซื้ออาหารหรืออะไร
ฉันจำไม่ได้ เราอยู่รอดที่นั่นอย่างไร อย่างน้อยเรามีน้ำ มีลำธาร ไหลรอบเต็นท์ของเรา และน้ำลำธาร ดีมาก ใสมากเหมือนแก้วเจียรนัย และเราอยู่รอด เพราะเรามีน้ำที่นั่น ดังนั้น เราไม่สนใจ เราเคยดื่มน้ำที่แย่ กว่านั้น น้ำสกปรก ตอนที่เราไม่มีสถานที่ เราเดินไปทั่วบนถนน น้ำอะไรเราก็ดื่ม และไม่มีอะไรเกิดขึ้น จริง ๆ เราได้การปกป้อง เพราะน้ำบางที่สกปรก สกปรกมาก แต่เราแค่ใช้ ผ้าของเรา เสื้อคลุมพระของเรา หรืออะไรกรองมัน แล้วก็ต้ม แต่น้ำ สกปรกจริง ๆ แต่บางครั้ง เราไม่ได้มีที่อื่นที่จะไป เราไม่สามารถหาที่อื่นใด เราอยู่บนถนน และเราก็แค่ดื่มอะไรก็ตาม และไม่มีปัญหา ที่นั่น เราแค่มี ที่ดินผืนนั้น และน้ำ ไหลผ่านตลอดปี - ลำธารเล็ก ๆ แต่ไหล ตลอดเวลา และดีมาก ใส ครั้งแรกเราเห็น ลำธารใสสะอาด ที่ไม่มีคนมายุ่งด้วย และไม่ปนเปื้อน วาว เรา โชคดี และมีความสุขมาก เราวางแผนจะอยู่ที่นั่นตลอดไป
( อาจารย์คะ อันนี้หรือค่ะ? ) ใช่ไหม เมง-ชาน หมายถึง การเลี้ยงดู... ใช่ไหม มันหมายถึง “ขอบคุณ พระพุทธะ และพระโพธิสัตว์ และการให้อาหารผี ฯลฯ” เป็นเรื่องที่แตกต่างไป มันไม่ได้เป็นการให้อาหารอย่างทั่วไป มันไม่ใช่แค่การให้อาหารอย่างนี้ มันเป็นพิธีทางศาสนา คุณพบมันหรือยัง? ( พิธีสวด นั่นบอกว่า: พิธีสวดหมายถึง การบูชาที่เป็นสาธารณะทั่วไป แสดงโดยกลุ่มคนทางศาสนา ) “การนมัสการในที่สาธารณะ แสดงโดยกลุ่มคนทางศาสนา” นั่นถูกต้อง พิธีสวดด้วย เราสรรเสริญพระเจ้า เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับการทาน และสำหรับอาหารที่เราทาน รูปแบบการบูขาหรือการสวดมนต์นั้น เรียกว่า “ลิทเธอร์จี” และรวมทั้ง ในศาสนาพุทธ เราก็ยัง ขอบคุณพระพุทธะและอะไรทั้งหมด แล้ว เราก็ให้อาหารหน่อยหนึ่งกับผี ดังนั้น จริง ๆ ที่ผีมา เกินกว่า 300 ตน ก็คือ เรามีพยาน ควีน อาซูลา เห็นมัน ฉันคิดว่าเธอยังคงมีชีวิตอยู่ ในอเมริกา ไม่ได้เห็นกันนานมาก ฉันเปลี่ยนที่ไปเรื่อย ดังนั้น ฉันไม่คิดว่าเธอสามารถ ตามตัวฉันได้อีกต่อไป สิ่งที่เราทำไม่ใช่ “เมง-ชาน” ที่เป็นการทำการถวาย การสวดเช้าและเย็น ที่ชาวพุทธทำ ที่เรียกว่า “พิธีสวด” ซึ่ง ก็มีอยู่ด้วยในกลุ่มคาทอลิก
พิธีสวด ก็คือ มีเรื่องตลกหนึ่ง เกี่ยวกับพิธีสวด มีพระองค์หนึ่ง เขาไปที่แอฟริกาพยายามที่จะ เผยแพร่คำสอนของพระเยซู แต่เขาจะต้องเดินผ่านป่า และเขาพบสิงโต สิงโตต้องการกินเขา แน่นอนเลยว่า เขาไม่สามารถวิ่ง ดังนั้น พระคุกเข่าลง และพูดอะไรบางอย่าง สิงโตก็พูดว่า “คุณกำลังพูดอะไร?” เพราะเขาพูดว่า “ให้ผมทำ พิธีสวดก่อนที่คุณกินผม” ดังนั้น เขาคุกเข่าลง และ สวดอธิษฐานถึงพระเจ้า และพูดว่า “ขอบคุณท่าน” และอะไรทั้งหมดนี้ และเรื่อง “ปกป้องจิตวิญญาณผม” แล้วสิงโตก็คุกเข่าด้วย ดังนั้น พระพูดว่า “ผมคุกเข่าเพื่ออธิษฐานถึงพระเจ้า อธิษฐานให้ปกป้องจิตวิญญาณผม และช่วยผม คุณคุกเข่าเพื่ออะไร?” สิงโตพูดว่า “ก่อนการกิน คุณจะต้องทำพิธีสวด ไม่ใช่หรือ?” ก่อนการทานอาหาร เขาจะต้อง กล่าวขอบคุณ ทำพิธีสวด นั่นเป็นวิธีที่ฉันจำ คำว่า “พิธีสวด” สิงโตที่น่าศรัทธา
ถ้าฉันดำเนินต่อไป เป็นผู้ที่กินอากาศ ฉันเดาว่าฉันไม่สามารถทำงานนี้ มันเป็นสายที่แตกต่างออกไป ฉันอาจจะมีชีวิตที่ดีกว่า แต่ฉันไม่คิดว่าฉันสามารถทำงาน เพิ่มมากขึ้น หรืองานที่ขยายใหญ่ขึ้น เหมือนอย่างสิ่งที่ฉันกำลังทำเวลานี้ แต่บางครั้ง ฉันพูดกับตัวฉันเอง “คุณยุ่งวุ่นวาย! คุณสามารถทำทั้งหมดนี้อย่างไร?” แม้แต่โทรทัศน์สุพรีมมาสเตอร์ เป็นงานใหญ่ สำหรับฉันอยู่แล้ว ฉันก็ยังมีทั้งสุนัขด้วยได้อย่างไร? ฉันจะต้องแต่งหน้า สวมเสื้อผ้า ออกแบบ สารพัดสิ่งทั้งหมด และธุรกิจ ธุรกิจก็นำความยุ่งยากให้ฉัน บางครั้ง: พนักงาน และภาษี และเรื่องทางบัญชี บางครั้งฉันคิด “โอ้โห คุณยุ่งวุ่นวายจริง ๆ ใช่ไหมคุณ?” ฉันพูดกับตัวเอง ฉันต่อว่าตัวฉันเอง ฉันพูดว่า “คุณคนเดียวเท่านั้น ที่ต้องตำหนิ ไม่ใช่พระเจ้า ไม่ใช่มายา ไม่ใช่ซาตาน ไม่ใช่ปีศาจ ไม่ใช่ใคร คุณ คนเดียวเท่านั้น เพราะสิ่งหนึ่ง นำไปสู่อีกสิ่งหนึ่ง ถ้าคุณมีธุรกิจ คุณจะต้องดูแล สิ่งนี้ และสิ่งนั้น และสิ่งนั้น
ถ้าคุณให้การประทับจิต คุณจะต้องไปดู คนนี้คนนั้น คุณจะต้องดูแล พวกเขาจากข้างในออกข้างนอก มันไม่ใช่เหมือนกับว่าคุณสามารถ มานั่งที่นี่ และฉันไม่ได้รู้สึกอะไรจากคุณ ฉันไม่ได้รู้สึกดึงฉุดใด ๆ การร้องใด ๆ ของพวกนั้นทั้งหมด ไม่ใช่ว่าฉันให้การประทับจิตคุณ แล้วฉันก็ไม่ได้ยินว่า คุณกำลังมีปัญหาที่บ้าน ดึงรูปของอาจารย์ และต้องการสิ่งนี้ ต้องการสิ่งนั้น มันก็โอเค ถ้าคุณต้องการจริง ๆ แต่บางครั้ง คุณไม่ได้แม้แต่ต้องการ คุณแค่ขอสิ่งนี้ และสิ่งนั้น เพื่อทดสอบอาจารย์ สิ่งพวกนั้นจะไม่ได้ผล ทำการบ้านของคุณ คุณสวดอธิษฐานถึงอาจารย์ เวลาที่คุณจำเป็น แน่นอน แต่ไม่ใช้ทำร้าย มิตรภาพของเราอยู่เสมอ
ไม่ใช่อย่าง คุณแค่แต่งงาน และมีลูก แล้วก็ไม่มีปัญหา ใช่ไหม ปัญหามา กับการแต่งงาน และกับลูก คุณไม่รู้สิ่งนั้น จนกระทั่งคุณเข้าไป คล้ายกัน แค่ภรรยาหนึ่งคน ลูกหนึ่งคน และงานเดียว และบ้านเดียว คุณก็มีปัญหา มากมายแล้ว ฉันมีหลายบ้าน เพราะ แต่ก่อน ฉันได้แต่วิ่งไปทั่ว ทุกประเทศ ฉันซื้อสิ่งนี้ และซื้อสิ่งนั้น สำหรับอาศรม แล้วก็ภายหลัง มันกลายเป็นเล็กเกินไป แล้วฉันก็ไม่สามารถแม้แต่จะขายมัน มันใช้เวลา และก่อนนี้ ฉันไม่มีใคร อยู่กับฉันช่วยฉัน ดังนั้น ฉันใส่มันในชื่อฉัน และตอนนี้ ฉันจะต้องไปที่นั่นเพื่อดูแล เพราะบางประเทศ ไม่รับแค่ จดหมายมอบอำนาจหรือพาสปอร์ต คุณจะต้องไปด้วยตัวเอง ต่อหน้าที่ปรึกษาหรือทนายความ บลา บลา บลา ปัญหาไม่มีสิ้นสุด ปัญหาไม่มีสิ่งสุด