ค้นหา
ไทย
  • English
  • 正體中文
  • 简体中文
  • Deutsch
  • Español
  • Français
  • Magyar
  • 日本語
  • 한국어
  • Монгол хэл
  • Âu Lạc
  • български
  • Bahasa Melayu
  • فارسی
  • Português
  • Română
  • Bahasa Indonesia
  • ไทย
  • العربية
  • Čeština
  • ਪੰਜਾਬੀ
  • Русский
  • తెలుగు లిపి
  • हिन्दी
  • Polski
  • Italiano
  • Wikang Tagalog
  • Українська Мова
  • อื่น ๆ
  • English
  • 正體中文
  • 简体中文
  • Deutsch
  • Español
  • Français
  • Magyar
  • 日本語
  • 한국어
  • Монгол хэл
  • Âu Lạc
  • български
  • Bahasa Melayu
  • فارسی
  • Português
  • Română
  • Bahasa Indonesia
  • ไทย
  • العربية
  • Čeština
  • ਪੰਜਾਬੀ
  • Русский
  • తెలుగు లిపి
  • हिन्दी
  • Polski
  • Italiano
  • Wikang Tagalog
  • Українська Мова
  • อื่น ๆ
ชื่อ
การถอดเสียง
ต่อไป
 

มารไปแล้ว และชีวิตของพระมหาวีระ : อิสรภาพของจันดานา ตอนที่ 3 ของ 7 ตอน

รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม

เช่นเดียวกันกับสัตว์ต่าง ๆ เช่นเดียวกันกับใบไม้ และพุ่มไม้และดอกไม้ แม้แต่โต๊ะพูดกับพวกเขา ตอบสนองด้วยวิธีต่าง ๆ ทุกสิ่งมีชีวิต สำหรับคนตาบอด พวกเขาเห็นแสงไปทุกหนแห่ง จากทุกสิ่ง และภายในทุกสิ่ง และภายในตัวพวกเขาเอง และพวกเขาถึงแสงนี้ พลังงานนี้ มิตรภาพเงียบ ๆ นี้ เพื่อช่วยพวกเขาในชีวิตประจำวัน

แม้แต่เราชาวมนุษย์ ไม่สามารถต้านทานมันได้ ไม่ต้องพูดถึงสุนัขตัวน้อยของฉัน ฉันจึงไปลงโทษเธอ ไม่ให้เธอพบฉัน ไม่ให้ของดี ๆ กับเธอ ไม่ให้ขนมกับเธอ แต่แล้ว หลังจากที่เธอพูดอย่างนั้น แล้วเธอรู้สึกเสียใจมาก ๆ รู้สึกไม่ดีมาก ๆ ฉันบอก “โอเค ไม่ต้องกังวล ฉันจะจัดการชายคนนี้เอง ฉันจะจัดการเขา คุณเป็นเพียงผู้เคราะห์ร้าย ฉันให้อภัยคุณ ฉันให้อภัยคุณจริง ๆ และฉันรักคุณ” แล้วก็กอดและคืนดีกัน แต่ฉันก็พูดว่า “ฉันสัญญากับพวกเธอว่าฉันจะ ฉันจะจัดการกับมายานี้ และพลังลบจริง ๆ” แล้วฉันก็ทำ

ฉันดีใจมากที่ฉันทำไป ฉันไม่แน่ใจว่าฉันจะมีความสุข แต่ฉันไม่เศร้า ฉันไม่เศร้า ฉันแค่อาจจะเป็นอย่างคุณ เรามีสมองกายภาพนี้ แล้วมันใช้เวลาสักนิด ที่ฉันจะตระหนักว่าเราได้ทำอะไรไป ตัวฉันเองนิดหน่อย แต่เหล่าก๊อดเสส และเหล่าตัวตน จักรวาลที่เมตตาแห่งคอสมิก ตอนนี้ที่พวกเขาได้กลับมารวมตัวกัน ดังนั้นพวกเขาทรงพลังมากตอนนี้ ทรงพลังกว่าแต่ก่อน ตอนที่พวกเขาถูกแยกกัน เป็นสองกลุ่ม รวมกันแล้ว ดังนั้น เราจึงมีสันติภาพมากขึ้น และตอนนี้ ฉันรวบรวม พวกเขาทั้งหมดมาด้วยกัน ฉันคิดว่าพวกเขาสามารถทำมันได้ ฉันคิดว่าเราอยู่ด้วยกัน เราสามารถทำมันได้ ฉันบอกว่า “เอาอะไรก็ตาม ที่ท่านต้องการจากฉัน เอาอะไรก็ตามที่ท่านจำเป็น จากที่เก็บอันทรงพลังยิ่งใหญ่ ของพลังงาน เอาพวกมันไป อะไรที่ตามที่ท่านจำเป็น เอามันไป แค่เพียงเราจะได้สามารถทำลาย เจ้าคนนี้ตอนนี้ เพราะเขาได้คุกคาม ทำลาย ทรมาน ล้อเลียนอย่างเลวร้ายและ หัวเราะและสนุกสนานกับความทุกข์ ของมนุษย์และสิ่งชีวิตอื่น ๆ มาเป็นเวลานาน นาน แสนนาน ดังนั้น นี่ถึงเวลาแล้ว ไม่อีกต่อไป ไม่อีกต่อไป” ฉันไม่ได้ตระหนักว่ามันใหญ่แค่ไหน แล้วตอนนี้ฉันกำลังบอกคุณ ฉันตระหนักมันนิดหน่อย เพราะฉัน มีงานมากเกินไปที่จะทำ ฉันไม่มีเวลาฉลอง แต่ฉันเห็นตัวตนทั้งหมด ฉลองกันไปทั่ว ทุกหนแห่งในจักรวาล พวกเขากำลังร้องเพลง ตะโกนโห่ร้อง กระโดด พวกเขายังทำกันอยู่ตอนนี้ พวกเขายังฉลองกัน

แต่ฉันในมิติกายภาพ ยุ่งเกินไป ยุ่ง ทุกวัน ฉันยุ่งมาก แม้แต่ตอนที่พวกเขาเอา อาหารมาให้ฉันวันละมื้อ ฉันบางครั้งยังไม่สามารถ ออกมากินได้ตรงเวลาเพราะ มันมีอะไรต้องทำเสมอ งานทางกายภาพ และถ้าไม่เช่นนั้น แล้วฉันต้องไป ภายใน ทำงานภายใน เพื่อช่วยเพิ่มความเข้มแข็ง กับศรัทธาและพลังงานของคน เพื่อที่พวกเขาจะได้นั่งสมาธิ และอยู่บนวิถีบำเพ็ญของพวกเขา อย่างมั่นคง ไปสู่ตัวตนยิ่งใหญ่กว่าของพวกเขา หรือตัวตนพระเจ้า ดังนั้น ฉันยุ่งมากเช่นกัน และฉันก็ต้อง ตรวจตราทุกมุม ของจักรวาลว่าอะไรจำเป็น และใครต้องการอะไร

และฉันต้องตรวจแม้แต่ สุนัขของฉัน ฉันสามารถทำ สิ่งต่าง ๆ อะไรให้พวกเขาได้บ้าง แล้วฉันก็ต้องทำมากมาย นอกจากการฝึกกายภาพบำบัด ให้พวกเขา ฉันก็ต้อง ทำอะไรบางอย่าง เตราปี นี่คือภาษาฝรั่งเศส - เตราปี ถูกต้องไหม? ไม่หรือ? คุณไม่ได้ยินหรือ? แล้วดังนั้น บางครั้งฉันพูด ด้วยสำเนียงฝรั่งเศส มันเป็นคำเดียวกัน มันแค่ว่าในภาษาอังกฤษ ฉันพูดว่า “เธราปี เธ-รา-ปี” และภาษาฝรั่งเศสพูดว่า “เตราปี” แล้วเราพูด โฮเตล พวกเขาพูด (ฮ)โอเตล มัน (ฮ)อ็อต (ฮ)เอีย จำเรื่องตลกที่ฉันพูดได้ไหม?

ตัวแทนชาวอังกฤษขายบ้าน ลูกค้าสองคน กำลังดูบ้าน คนอังกฤษพูดภาษาฝรั่งเศสนิดหน่อย เขาคิดว่าเขาพูดได้ แล้วอีกคนพูดภาษาฝรั่งเศส อังกฤษนิดหน่อย เขาคิดว่าเขาพูดได้ ดังนั้น พอเขาเข้ามา เพราะพวกเขาเพิ่งเปิด ประตูตอนฤดูร้อน แล้วมันไม่มีแอร์ปรับอากาศ ไม่มีอะไรข้างใน เขาจึงพูดว่า “โอ้ มัน อ็อต มาก เอียร์” แปลว่ามันร้อนมากที่นี่ แต่ชาวฝรั่งเศส พวกเขาไม่ออกเสียง “ฮ” (เฮช) พวกเขาพูด โอเตล แทน โฮเตล ดังนั้น “ฮ็อต” (ร้อน) พวกเขาพูด “อ็อต” เขาก็พูด “เอ้าส์ (บ้าน) ของคุณ อ็อตมากเอียร์” บ้านของคุณร้อนมากที่นี่ แล้วตัวแทนพูดว่า “อะไรนะ?” หูฉันมีอะไรแปลกหรือ? แล้วทำมันฉันต้องออกไป?” “บ้านของคุณ” เป็น “คุณออกไป” “บ้านของคุณร้อนมากที่นี่” เขาก็โกรธแล้วพูดว่า “ทำไมฉันต้องออกไป แล้วหูฉันมันแปลกยังไง?” แล้วคนฝรั่งเศสก็พูดว่า “ไม่ ไม่ อากาศ อ็อต” คนอังกฤษพยายาม ช่วยให้ตัวแทนใจเย็นลง เขาบอกว่า “ไม่ ไม่ เขาหมายถึงว่า ผมของคุณแปลก ไม่ใช่หูของคุณ” แล้วเพราะคนฝรั่งเศส พวกเขาไม่พูด “เอช” ดังนั้นเวลาเขาพูด “อากาศ อ็อต” (ร้อน) คนอังกฤษคิดว่า “โอ้ โอเค ฉะนั้นเขาหมายถึง ผมแปลก” การช่วย บางครั้ง ปัญหาที่คุณไม่พูด ภาษานั้นได้ดีมากนัก แล้วฉันเคยอยู่ มาทั่วยุโรป บางครั้ง ฉันพูดอย่างคนเยอรมัน ฉันมักจะบอกผู้ช่วยของฉัน “รถของคุณ คาพุตหรือ?” (พัง) เธอพูดว่า “คาพุตคืออะไรคะ?” ไทย “คาพุตคืออะไรคะ? คาพุตแปลว่าอะไรคะ? ฉันไม่เข้าใจค่ะ” ฉันบอกว่า “คาพุต คุณรู้ไหม คาพุต คาพุต คาพุต!” เธอเข้าใจภาษาอังกฤษนิดหน่อย แล้วฉันลืมภาษาอังกฤษของฉัน เวลาฉันพูดเร็วเกินไป บางครั้งฉันลืม ว่าคาพุตคืออะไรในภาษาอังกฤษ หรือฉันพูดอะไรบางอย่าง ฉันพูดว่า “แค่นั้น! แค่นั้น! มันไม่เป็นไร! มันไม่เป็นไร! ดีมาก!” แล้วพวกเขาพูดว่า “มันคืออะไร อาจารย์? ท่านพูดว่าอะไร?” แล้วฉันต้องคิดนิดหน่อย “ฉันหมายถึงว่ามันดีมาก ดีมาก คุณทำงานได้ดีมาก”

เรามีปัญหานี้ กับเครื่องมือทางกายภาพ มันดีสำหรับเรา เราคิดว่า เรามีตาครบถ้วน เรามีลิ้นครบถ้วน เราสามารถพูดกันได้ เราเห็นกันและกัน เราชื่นชมสิ่งต่าง ๆ สิ่งงดงามภายนอก แต่บางครั้งสิ่งเหล่านี้ ก็เป็นสิ่งกีดขวาง สิ่งกีดขวางอย่างมาก มากกว่าช่วย คนตาบอดบางคน เด็กตาบอดบางคน แต่เดิม พวกเขาสามารถเห็นได้ แต่แล้วบางโรค ทำให้พวกเขาตาบอด ตอนที่พวกเขายังเด็ก อย่าง 6, 7, 8, 9 ขวบ ตั้งแต่เริ่มต้น พวกเขาอาจจะมีความลำบาก พวกเขาอาจจะชนสิ่งต่าง ๆ เพราะพวกเขาคุ้นเคย กับการไปทางนี้ทางนั้น และใช้ตาของพวกเขาเอง และใช้มือของพวกเขาทำสิ่งนี้ ทำสิ่งนั้น แต่หลังจากที่พวกเขาตาบอด พวกเขาได้ลืม ว่าพวกเขาไม่เห็นอะไร ดังนั้นพวกเขาชนสิ่งต่าง ๆ หรือเพวกเขาคุ้นเคยกับการใช้มือ ของพวกเขาเพื่อหยิบถ้วย แต่พวกเขาไม่สามารถหามันได้ เพราะพวกเขาใช้ นิสัยเดิม ๆ ในการทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตากายภาพ และหูกายภาพ แต่หลังจากนั้นพวกเขาจะ ค่อย ๆ รู้สึกว่าพวกเขาไม่ต้องการมัน สิ่งต่าง ๆ แค่แผ่พลังงาน ไปหาพวกเขา แล้วพวกเขาจะรู้ว่าอะไรอยู่ที่ไหน

ดังนั้นบางครั้ง เวลาคนขับรถ ออกไปข้างนอก แล้วคุณพูดว่า “ขอให้ถนน [ขึ้นมา] พบคุณ” มันจริงสำหรับคนตาบอด สำหรับเด็กตาบอด อย่างน้อย ตอนที่พวกเขายังเด็ก และไร้เดียงสา มันง่ายกว่าสำหรับพวกเขา ที่จะปรับเขากับสิ่งใหม่ต่าง ๆ แล้วพวกเขาก็ตระหนักว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นอย่างที่มันดูว่าเป็น อาทิเช่น ต้นไม้ไม่เพียงแต่ใหญ่เท่านั้น แต่สิ่งแวดล้อมของพวกเขา พลังงานของพวกเขา สนามแม่เหล็กของพวกเขานั้นใหญ่กว่า พวกเขาใหญ่กว่าจริง ๆ กว่าที่พวกเขาเป็น เช่นเดียวกันกับสัตว์ต่าง ๆ เช่นเดียวกันกับใบไม้ และพุ่มไม้และดอกไม้ แม้แต่โต๊ะพูดกับพวกเขา ตอบสนองด้วยวิธีต่าง ๆ ทุกสิ่งมีชีวิต สำหรับคนตาบอด พวกเขาเห็นแสงไปทุกหนแห่ง จากทุกสิ่ง และภายในทุกสิ่ง และภายในตัวพวกเขาเอง และพวกเขาถึงแสงนี้ พลังงานนี้ มิตรภาพเงียบ ๆ นี้ เพื่อช่วยพวกเขาในชีวิตประจำวัน แล้วพวกเขาไม่คิดถึงอะไรเลย พวกเขาไม่คิดถึงอะไรเลย

อาจารย์เซนท่านหนึ่ง ก็พูดเช่นเดียวกัน “มันจะดีกว่า ถ้าฉันตาบอด หูหนวก และเป็นใบ้ ตั้งแต่แรก” เพราะเพียงหลังจาก ที่เราถึงความสนใจแท้จริงของเรา จากอวัยวะทางกาย ภายนอกเหล่านี้ เราสามารถเข้าสู้ อาณาจักรภายในแท้จริงได้ นั่นคือเหตุผลที่เมื่อคุณ เงียบลง คุณทำสมาธิ หรือระหว่างเวลาที่ประทับจิต คุณเงียบลง คุณไม่มีสิ่งอื่นใด ที่กังวลในตอนนั้น เพราะคุณรู้ ว่าตอนนี้เป็นเวลา ประทับจิตของคุณและคุณ ปรารถนามันมาเป็นเวลานานจริง ๆ คุณจึงตั้งใจมาก ๆ ดังนั้น คุณเห็นตัวตนของคุณ แสง (แห่งสวรรค์ภายใน) และคุณได้ยินคำของพระเจ้า เสียงเพลง เป็นแรงสั่นสะเทือนภายในของคุณ โดยปกติ เราเพียงพึ่ง ตาของเราในการเห็นสิ่งต่าง ๆ เราไม่เห็นแสง (แห่งสวรรค์ภายใน) ใด ๆ เราพึ่งหู เราไม่ได้ยินอะไร จากเสียงดนตรีสวรรค์ภายใน การที่ตาบอด ไม่แย่ไปหมดนัก ตอนที่พระเยซูยังมีพระชนม์ชีพ พวกเขาพูดว่าพระองค์สามารถรักษา คนตาบอด มันเป็นเพราะการประทับจิต ระหว่างการประทับจิต เรามี ลูกศิษย์ตาบอดแต่ก่อน พวกเขาเห็นทุกอย่าง พวกเขาเห็นแสง (สวรรค์ภายใน) บางครั้ง ดีกว่าคุณ เพราะพวกเขาไม่มีอะไร ดึงดูดความสนใจของพวกเขา จากโลกภายนอก

ฉันคิดว่าฉันจะนั่งลง รองเท้าส้นสูงของฉันกำลังเรียกฉัน ให้นั่งลง อันที่จริง ฉันไม่รู้ ว่าทำไมฉันใส่ส้นสูง จนพวกเขาขุดเอา คำทำนายต่าง ๆ ที่ฉันพูดว่า “โอ้ ดีไง! ไม่สงสัยเลยฉันถูกลิขิต มาให้ใส่เสื้อผ้าสวย ๆ ส้นสูงก็เตรียม มาก่อนแล้วจากสวรรค์” มันก็เปลี่ยนไป ใช่ไหม? จนถึงตอนนี้ เหล่าอาจารย์หรือพระพุทธเจ้า พวกเขาทั้งหมดเป็นนักพรตมาก และเข้มงวดมาก มันเปลี่ยนบ้าง ที่ได้เห็นผู้หญิง ด้วยเสื้อผ้าสวย ๆ และรองเท้าสวย ๆ และเครื่องเพชรสวย ๆ ไม่ใช่หรือ? เพราะการบำเพ็ญนั้นอยู่ภายใน แต่อย่างไรก็ตาม ฉันหวังว่าฉันไม่ต้องทำ ทั้งหมดนี่เช่นกัน มันเสียเวลามาก แน่นอน ฉันนั่งสมาธิ ฉันทำสมาธิ ขณะที่ฉันทำสิ่งนี้และสิ่งนั้น มันก็เป็นการทำสมาธิที่ดีเช่นกัน แต่ฉันหวังว่าฉันจะไม่ต้องทำ สมาธิกับแฟชั่น มันสบายมากกว่า เมื่อคุณเพียงห่อผ้าห่ม รอบตัวคุณ นั่งบนโซฟา หลับตาด้วย แล้วก็พักแทนที่จะต้อง เพ่งภายในและภายนอก ในเวลาเดียวกัน “เอ้ย อันนั้นใช่ไหม? โอ้ ไม่ ไม่ มันไม่ใช่อันนั้น โอ้ ฉันทำไม่ได้ ฉันทำไม่ได้ ฉันไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้ มันเป็นตะขอ มันยากเกินไป เล็กเกินไป” พวกเขาทำสิ่งนี้สำหรับสตรี ที่มีเวลามาก เวลาเป็นสิ่งที่ฉันไม่มี ฉันมีทุกอย่างอย่างอื่น เวลาน้อยมาก

ฉันเคยดีกว่านี้ ฉันหมายถึงพูดช้ากว่า และอ่อนโยนกว่าและอดทนกว่า ทุกวันนี้ ฉันพูดว่า “เข้าประเด็น อย่าพูดยาวเกินไป ฉันไม่มีเวลา เธอ ฉันไม่มีจริง ๆ” แล้วบางครั้งหมอก็พยายาม อธิบายยาให้ฉันฟัง ฉันบอก “โอเค หมอ คุณเขียนมันแล้วแฟ็กซ์มาให้ฉัน” ฉันหมายความว่า ฉันอ่านมันได้เร็วกว่า แล้วยังไง ฉันก็ยังลืมกินยา ดังนั้น ฉันรู้ว่าฉันแค่กินมัน บางครั้งเวลาที่ฉันจำเป็น ตอนที่ฉันจำได้

แม้แต่หมอก็รู้แล้ว ฉันไม่ชอบยาเยอะแยะ แม้แต่อาหารเสริมหรืออะไร ที่ดีสำหรับคุณ วัยชราของเรา สำหรับผู้สูงวัย และทั้งหมดนั่น เขาหวังดี แต่เขารู้ ว่ายังไงฉันก็ลืมกินยา ดังนั้น เขาก็ต้มมัน ให้เหลือเพียง 3 แหล่งตอนนี้ แค่ 3 และแค่วันละครั้ง ยา 3 อย่าง ไม่จริง อาหารเสริม และวันละครั้งเท่านั้น ฉันก็ยังลืม ฉันบอก “หมอ ฉันยังลืมล้างหน้าฉัน ตอนเช้า” เขาบอกว่า “ท่านลืมได้ยังงไ?” ฉันบอกว่า “ฉันก็แค่ลืม” ฉันออกจากการทำสมาธิของฉัน หรือหลับ หรือกรน หรืออะไรก็ตาม แล้วฉันก็กระโดดออกมา แล้วฉันก็ไป แล้ว ฉันเห็นเอกสารต่าง ๆ ต่อหน้าฉัน แล้วฉันก็ติดอยู่ในนั้น ฉันลืมอย่างอื่นทุกอย่าง

แม้แต่อาหารที่อยู่ต่อหน้าฉัน ฉันไม่กินจนกว่า เอกสารทั้งหมดจะเสร็จ แต่ฉันไม่สามารถบอกพวกเขา ให้เอาอาหารฉันมาก่อน แล้วเอาเอกสารมาทีหลัง เพราะมันงานเยอะ สำหรับ 1 คน เราต่างยุ่งกัน แล้วคนเดียวดูแล เอาอาหารใส่ห่อ แล้วนำมาให้ฉัน พร้อมกับเอกสาร เพราะเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน แล้วสาว ๆ ก็ยุ่ง กับสิ่งต่าง ๆ แล้วก็มีเด็กชายคนหนึ่ง แต่เขาไม่กวนฉัน และนั่นก็ดี ฉันชอบมากกว่าถ้าเขาเป็นพี่สาว ฉันจะได้ไม่ต้องกังวล เกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนพลังงาน คุณอาจจะพูดอย่างนั้น ไม่เป็นไร เขาไม่รบกวนฉัน แต่ฉันไม่อยากให้เขา ต้องมาเสมอ กลับไปกลับมา กลับไปกลับมา

คนน้อยลง แลกเปลี่ยนพลังงานน้อยลง ดีกว่าสำหรับฉันที่จะเพ่ง การรบกวนน้อยกว่า จากพลังงานที่ต่างไปภายนอก ดีกว่าสำหรับฉัน แน่นอน ตอนที่ฉันออกไปที่นี่ มันมีพวกคุณหลายพันคน ฉันควบคุมอะไรไม่ได้ มันเต็มไปหมด ไม่มีปัญหา แต่ตอนที่ฉันอยู่บ้าน ฉันพยายามเพ่งมากขึ้น ฉันจะได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ภายในและภายนอก ดังนั้น นั่นก็เช่นกัน แต่ฉันก็ไม่อยาก ให้คนทำงานมากขึ้น กว่าที่จำเป็นเพราะเด็ก ๆ ผู้ชาย พวกเขาอยู่ด้วยกันในสถานที่หนึ่ง แล้วฉันอยู่ไกลออกไป ห่างไกล กับสุนัข แล้วคนดูแลสุนัข ก็ไป ๆ มา ๆ ไป ๆ มา ๆ เมื่อถึงเวลาดูแล เธอก็มา เมื่อไม่ถึงเวลา เธอก็กลับบ้าน ดังนั้น ฉันก็ปล่อยให้เธอพัก บางครั้ง ฉันต้องการบางสิ่งบางอย่าง แล้วฉันเรียกเธอ และฉันพูดว่า “คุณกำลังทำอะไรตอนนี้?” เธอบอกว่า เธอกำลังกินอาหาร แล้วฉันพูดว่า “ไม่ ไม่ งั้นคุณกินไป คุณกิน อาจจะภายหลัง”

ฉันไม่อยากรบกวนใคร ตอนที่ฉันไม่ต้อง พวกเขาก็ยินดีทำ ฉันแค่ไม่อยาก เอาเปรียบความเมตตาของพวกเขา และแต่ก่อน พวกเขาเคยเอามาให้ฉัน ทุกเช้าตรู่ อาหารเช้า แล้วก็บ่ายแก่ ๆ อาหารกลางวัน อาหารเช้าและกลางวัน เรามีสองมื้อต่อวัน แต่ภายหลังฉันพูดว่า “คุณเอามาแต่อาหารกลางวัน มันก็ดีพอแล้ว” เพราะเขาต้องตื่นแต่เช้า ในตอนเช้า เสียเวลานั่งสมาธิของเขา หรือเสียเวลานิดหน่อย นอนขี้เกียจบนเตียงของเขา และพี่ชาย พี่สาวคนอื่น ต้องตื่นเช้าด้วย เพื่อที่จะ ตรวจเอกสาร และพิมพ์ออกมาให้ฉัน ดังนั้น อย่างน้อย 3, 4 คน ต้องตื่นเช้า ดังนั้น พวกเขาก็นั่งสมาธิไม่ได้ ในเวลานั้น หรือพวกเขาอาจจะเหนื่อย ตั้งแต่คืนก่อนหน้านั้น แล้วทำงานดึก และ ไม่สามารถพักในตอนเช้า ดังนั้นภายหลัง ฉันตัดอาหารเช้า ฉันบอกว่า “แค่เอามันมาภายหลัง แล้วเอกสาร ก็เอามาภายหลัง” ดังนั้น พวกเขาจะได้พักมากขึ้น นั่งสมาธิในตอนเช้า และแม้กระนั้น ฉันก็ไม่หิวมากนัก ตอนที่ฉันเห็นเอกสาร “โอ้โฮ!” ฉันสนใจมันมากกว่า อาหารของฉัน ดังนั้น มันเป็นอย่างนี้

เราอาจจะพูดเกี่ยวกับสิ่งนี้ เราจะพูดเกี่ยวกับ พระมหาวีระ ดีมาก อยู่ที่นั่น เรื่องเล่า มันไม่ใช่เวลานอน เรายังมีเวลา ใช่ไหม? (ค่ะ) อะไรนะ? ( กู๊ดเลิฟเป็นยังไงบ้างคะ? ) เขาดีขึ้นแล้วตอนนี้ ฉันคิดว่าเขาจะไม่รอด เพราะเขาร้องมาก ๆ เขามักจะไม่ร้อง เขาไม่ใช่เด็กขี้แย เขาไม่เห่าด้วยซ้ำ เมื่อไม่จำเป็น เขาเป็นชายที่เงียบมาก แล้วเขาร้องมาก จนหัวใจฉันทนไม่ได้ แต่มันก็ดีอย่างนั้น ให้แรงกระตุ้นแก่ฉัน ที่จะตัดมายา มิฉะนั้น ฉันยุ่งเกินไป ลืมเกี่ยวกับเขาคนนั้น เอาแต่รบกวนฉันตลอดเวลา ฉันมีข้ออ้างที่ดีครั้งนี้ ฉันบอกว่า “คุณยังใช้ กลยุทธ์สกปรกมาทำให้ ลูกสาวกัดแม่ มันน่ารังเกียจเกินไป ฉันไม่อนุญาตคุณ ให้อยูที่นี่อีกต่อไป” แค่นั้น ฉันโกรธจริง ๆ ขยะแขยงจริง ๆ ฉันบอกว่า “ถ้าคุณต้องการจัดการ กับอะไร จัดการกับฉัน คุณอย่าทำร้ายสุนัขฉัน นั่นแย่ยิ่งกว่าอะไร ที่ฉันจินตนาการได้ว่าน่ารังเกียจ ดังนั้น คุณไม่มีค่าพอสำหรับฉัน ที่จะแม้แต่จะคิดถึงคุณอีกต่อไป คุณต้องไป” แต่โชคดี ฉันฉลาดนิดหน่อย ฉันสามารถทำสิ่งต่าง ๆ มากมาย และอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าฉันฉลาดน้อยกว่านี้ มันจะใช้เวลามากขึ้น ปัญหามากขึ้น และถ้าฉันพูดช้าลง ใช้เวลามากขึ้น แล้วฉันจะไม่ มีเวลาพอสำหรับพวกคุณ ดังนั้น ฉันอัดทุกอย่าง รวดเร็วมาก ฉันกินขณะทำงาน กับเอกสารต่าง ๆ หรือดูคลิปบางอัน ที่ฉันต้องแก้ไข ใช่! มันง่ายมาก

รับชมเพิ่มเติม
ทุกตอน  (3/7)
รับชมเพิ่มเติม
วีดีโอล่าสุด
แบ่งปัน
แบ่งปันไปที่
ฝัง
เริ่มที่
ดาวน์โหลด
โทรศัพท์มือถือ
โทรศัพท์มือถือ
ไอโฟน
แอนดรอยด์
รับชมในบราวเซอร์ในโทรศัพท์มือถือ
GO
GO
Prompt
OK
แอพ
สแกนโค้ดคิวอาร์ เลือกระบบโทรศัพท์ที่ถูกต้อง เพื่อดาวโหลด
ไอโฟน
แอนดรอยด์